6 ทริคไม่ลับ ดูแลรถหน้าฝน ก่อนได้เคลม
ตอนนี้ประเทศไทยเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ และในหลายๆ พื้นที่มีฝนตก ฟ้ามืดครึ้ม บางพื้นที่ก็น้ำท่วมฉับพลัน ทำให้หลายคนได้รับผลกระทบอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เดินทางโดยรถยนต์ เมื่อเกิดฝนตกหนัก ต้องขับรถผ่านน้ำท่วมขัง หรือขับรถผ่าฝนที่ตกหนัก รถที่เรารักได้รับผลกระทบแน่นอน SMILE INSURE เลยมี 6 ทริคไม่ลับ ดูแลรถในหน้าฝน มาฝากค่ะ
ใบปัดน้ำฝน
ในวันฝนตกใบปัดน้ำฝนนั้นสำคัญมาก เพราะหากยางของใบปัดน้ำฝนเสียอาจทำให้ปัดน้ำบนกระจกออกไม่หมด หรือทำให้เกิดรอยน้ำขึ้น จนบดบังทัศนวิสัยในการขับเป็นสาเหตุในของเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน
อ่านเพิ่มเติม: 5 วิธีแก้กลิ่นอับในรถยนต์ หลังขับลุยนํ้า
ดังนั้นเราควรเช็กยางปัดน้ำฝนโดยการเปิดระบบฉีดล้างกระจก หากปัดน้ำออกไม่หมด ควรรีบเปลี่ยนทันที และถ้าไม่อยากให้ยางปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพเร็ว เราควรจอดรถไว้ในที่ร่ม
หรือหาผ้าบังแดดลดความร้อนมาคลุมรถยนต์ของคุณ เพราะความร้อนนี่หละที่เป็นตัวการทำให้ยางปัดน้ำฝนเสื่อมได้ไวค่ะ
น้ำฉีดกระจก
ใบปัดน้ำฝนก็ต้องมาคู่กับ “น้ำฉีดกระจก” ตัวทำความสะอาดที่จะช่วยให้กระจกรถของคุณสะอาดวิ๊งมากขึ้น และยังช่วยให้ทัศนวิสัยในการขับรถของคุณชัดขึ้นด้วย ในวันฝนตก หรือไม่ก็ตามเศษฝุ่นที่ลอยอยู่ในอากาศ
อ่านเพิ่มเติม: เตรียมพร้อมช่วงหน้าฝน กับ 10 เทคนิคดูแลรถยนต์
หรือฝุ่นที่ปนกับน้ำฝนจะทำให้คุณมองทางได้ไม่ชัด เราเลยต้องให้ความสำคัญกับจุดเล็กนี้ๆ โดยการตรวจเช็กกระปุกน้ำฉีดกระจก ทั้งระดับน้ำด้านในว่าพร้อมใช้งานไหม? ทำงานได้ปกติหรือป่าว?
ระบบเบรก
เบรกเป็นระบบที่ต้องดูแลอยู่แล้ว แต่ในหน้าฝนเราต้องดูแลมากขึ้นเป็นพิเศษ เพราะสภาพถนนเปียกอาจจะทำให้การเบรกติดขัดได้ เราจึงควรตรวจเช็กระบบเบรกให้ดีเสมอ โดยการเช็กน้ำมันเบรกและผ้าเบรก ทุกๆ 10,000 กิโลเมตร
การทำงานของเบรกปกติไหม? มีเสียงดังผิดปกติหรือป่าว? หากพบความผิดปกติรีบนำรถตรวจสภาพเบรกทันทีนะคะ
ยางรถยนต์
ยางรถยนต์ คือหนึ่งในชิ้นส่วนรถยนต์ที่เราควรให้ความสำคัญพิเศษ เพราะเป็นชิ้นส่วนที่ช่วยในการขับเคลื่อน และยึดเกาะถนน ทำให้เราเดินทางได้อย่างราบรื่นและอุ่นใจ
เราจึงต้องตรวจเช็กให้มั่นใจว่ายางรถยนต์มีสภาพที่ดี ใช้งานได้ปกติ ยิ่งในหน้าฝนหากสภาพของยางรถไม่พร้อมอาจะทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้เลยค่ะ
วิธีการเช็คยางรถยนต์
การเช็กยางรถยางต์แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆเลยคือ ความลึกของดอกยาง และลมยาง
ความลึกของดอกยางจะช่วยรีดน้ำในขณะขับรถลุยฝน ทำให้ยางยึดเกาะถนนได้ดี แต่ถ้าพบว่าดอกยางมีความลึกต่ำกว่า 2.5 มม. ต้องรีบเปลี่ยนยางโดยด่วน
เพราะถ้ายังนำไปขับต่อดอกยางจะรีดน้ำออกไม่หมด อาจทำให้ยางไม่เกาะกับถนน หรือที่เรียกว่าการเหินน้ำ จนทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ค่ะ
อ่านเพิ่มเติม: เรื่อง เคลม เคลม ที่มากับฝน
ลมยางควรตรวจเช็กอย่างสม่ำเสมอเดือนละ 1 ครั้ง โดยมาตรฐานลมยางที่ควรเติมจะขึ้นอยู่กับประเภทดังนี้
- รถยนต์ขนาดเล็ก ควรเติมแรงลมที่ 25 - 30 ปอนด์
- รถยนต์ขนาดกลาง ควรเติมแรงลมที่ 30 - 35 ปอนด์
- รถกระบะ (ไม่บรรทุก) ควรเติมแรงลมที่ 35 - 40 ปอนด์
- รถตู้บรรทุก 7 - 10 คน ควรเติมแรงลมที่ 43 - 55 ปอนด์
ถ้าให้ในช่วงหน้าฝน หรือต้องขับรถลุยน้ำ ควรเติมลมยางเกินจากมาตรฐานไว้ 1-2 ปอนด์ เพราะยางที่แข็งขึ้นจะช่วยรีดน้ำได้ดีกว่าเดิมค่ะ
ไฟสัญญาณ
ไฟสัญญาณเป็นระบบที่จะช่วยเซฟเราให้ปลอดภัยทุกทุกสภาพอากาศ เราจึงควรหมั่นตรวจสอบการทำงานของไฟสัญญาณให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น ไฟต่ำ ไฟสูง ไฟเบรก ไฟตัดหมอกหน้าและหลัง ไฟฉุกเฉิน ไฟเลี้ยว ไฟถอยหลัง หากพบไฟดวงไหนไม่สามารถทำงานได้รีบเปลี่ยนทันทีเลย
เช็กเครื่องยนต์
เมื่อฝนตกสิ่งที่น่ากลัวคือน้ำท่วม และเป็นที่รู้กันว่าประเทศไทยน้ำท่วมบ่อยครั้ง เส้นทางไหนมีน้ำท่วมก็ควรหลีกเลี่ยง แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ จำเป็นต้องขับฝ่าไป เราขอแนะนำให้ปิดแอร์ขับผ่านเพื่อกันน้ำเข้ารถ
เมื่อถึงจุดหมายปลายทาง ก็อย่าลืมที่จะตรวจเช็กเครื่องยนต์เพื่อดูความเสียหายเครื่องยนต์หลังจากขับรถลุยน้ำนะคะ เพราะน้ำเป็นของเหลวที่สามารถแซงซึมเข้าไปในเครื่องยนต์ของเราได้ อาจทำให้ระบบต่างๆ ของรถยนต์เสียหาย จึงจำเป็นต้องตรวจเช็กให้ถี่ถ้วน
เข้าสู่หน้าฝน ดูแลรถยนต์อย่างไรดี?
เมื่อเข้าสู่หน้าฝน “รถยนต์” ก็มักจะกลายเป็นพาหนะคู่ใจที่ใครหลายคนจำเป็นต้องใช้อย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะการขับรถช่วงหน้าฝนทำให้เดินทางได้อย่างปลอดภัย ถึงที่หมายได้แบบไม่เปียก
ไม่ต้องเสี่ยงเป็นหวัด ไม่ต้องลุยน้ำท่วมให้ลำบาก และไม่ต้องไปเบียดกับคนอื่นบนรถสาธารณะ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คนมีรถควรรู้คือ รถยนต์ไม่ได้ถูกกับน้ำฝน และน้ำท่วมสักเท่าไหร่ ถ้าต้องโดนน้ำทุกวัน วันละนานๆ ก็เสี่ยงที่จะเสื่อมสภาพได้ไม่ต่างจากคน
อ่านเพิ่มเติม: สารพัดวิธีกำจัด “เชื้อราในรถ” ภัยร้ายที่มาพร้อมหน้าฝน
ซึ่งนั่นอาจทำให้รถไม่สวยงามเหมือนเดิม ใช้งานได้ไม่เต็มที่ หรือเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันตามมาได้ วันนี้ SMILE INSURE จึงรวบรวม ทริคดูแลรถหน้าฝนมาฝากทุกคน เพื่อช่วยให้รถคันเก่งของทุกคนยังคงมีสภาพดี และพร้อมใช้งานกับทุกสถานการณ์
1. ตรวจเช็กสภาพรถให้พร้อมใช้งาน
หมั่นตรวจสอบรถก่อนนำมาขับใช้งาน ยิ่งช่วงหน้าฝนไม่ควรมองข้ามการตรวจเช็ครถหน้าฝน เพราะถือว่าเป็นการดูแลรถยนต์ด้วยตัวเองที่ทำได้ง่ายที่สุด
2. เช็กยางรถยนต์
เช่น ดอกยากสึก มีร่องรอยฉีกขาด ลมยางอ่อน ฯลฯ ก็จะทำให้รถเบรกไม่อยู่ ลื่นไถล และเสียหลักจนเกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้น ควรหมั่นเช็คยางรถ เพื่อดูแลรถให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ ถ้าเห็นว่าเริ่มมีสภาพไม่ดีแล้ว ให้รีบเปลี่ยนทันที
3. เช็กที่ปัดน้ำฝน
เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ควรเช็กว่ายางของที่ปัดน้ำฝนยังใช้ได้ดีอยู่ไหม? โดยอาจสังเกตจากเสียง ถ้าเริ่มมีเสียงครืดคราด เหมือนแท่งโลหะขูดกับกระจกตรงๆ ให้เปลี่ยนใหม่ได้เลย
4. เช็กระบบเบรก
ควรตรวจสอบผ้าเบรกให้พร้อมใช้งาน ถ้าเบรกเริ่มสึก หรือเหยียบแล้วจมลึกผิดปกติ ควรรีบเข้าอู่เพื่อเปลี่ยนใหม่ทันที
5. เช็กระบบไฟ
เจ้าของรถควรตรวจเช็คให้ดีว่าไฟหน้ารถ ไฟท้าย และไฟเบรกยังทำงานได้ตามปกติไหม? เพราะถ้าไฟเหล่านี้ไม่ทำงาน อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุรถชนได้
6. เช็กยางขอบประตู
เพราะมีหน้าที่สำคัญในการป้องกันน้ำรั่วซึมเข้าสู่ห้องโดยสาร หากยางมีรอยฉีกขาด หรือเริ่มยึดเกาะกับขอบประตูไม่ได้แล้ว ให้รีบเปลี่ยนทันที
นอกจากนั้น ควรดูแลรักษารถยนต์เช็คส่วนอื่นๆ ของรถ เช่น น้ำมันเครื่อง ระบบแอร์ แบตเตอรี่ ฯลฯ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานด้วยเช่นกัน เพราะถ้ามีส่วนใดส่วนหนึ่งชำรุด
จนทำให้รถเสียกลางทาง โดยเฉพาะในวันที่ฝนตกหนัก ก็คงเป็นเรื่องที่ลำบากมากเลยทีเดียว
ไม่ว่าจะฤดูฝน หรือฤดูไหน การดูแลรถเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องหมั่นตรวจเช็กอย่างสม่ำเสมอนะคะ ตรวจสอบรถคุณแล้วมาเพิ่มเกาะป้องกันเพิ่มอีกหนึ่งชั้นด้วยประกันภัยรถยนต์ที่คุ้มค่า
และทำให้คุณมั่นใจได้ทุกการเดินทาง เลือกประกันภัยใช่สำหรับคุณ ขอแนะนําที่ SMILE INSURE เลยค่ะ