สารพัดวิธีกำจัด “เชื้อราในรถ” ภัยร้ายที่มาพร้อมหน้าฝน
เชื้อรา (mold) คือ สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่มีให้พบเห็นได้ทั้งแบบกลิ่นอับ เป็นขนฟูๆ หรือเติบโตเป็นเห็ดไปเลยก็ได้ โดยจะเติบโตได้ดีในที่ที่มีอากาศ มีแหล่งน้ำ และมีความชื้น
แม้เพียงไม่มากแต่ก็สามารถทำให้มันแพร่กระจายได้ในเวลาอันสั้น สร้างความเสียหายต่อข้าวของเครื่องใช้ได้ไม่น้อย โดยเฉพาะกับเบาะ พรม หรือของประดับต่างๆ ในรถยนต์ที่อมน้ำและความชื้นค่อนข้างมาก
นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเชื้อราถึงกลายเป็นภัยร้ายของคนใช้รถในช่วงหน้าฝน
เหตุการณ์เสี่ยงเกิดเชื้อราในรถ
- ตากฝนตัวเปียกแล้วขึ้นมานั่งบนรถ เพราะจะทำให้น้ำจากเสื้อผ้าไปฝังอยู่บนเบาะแทน หรือแม้แต่การโยนร่มเปียก ๆ ไปไว้หลังรถเพราะรีบ ซึ่งหลายครั้งพบว่าพอถึงบ้านแล้ว หลายคนเลือกที่จะปิดประตูรถแล้วเข้าบ้านเลย ไม่ได้สนใจที่จะทำเบาะหรือพื้นรถให้แห้งเสียก่อน
อ่านเพิ่มเติม: ฝนตกหนักแบบนี้ รถ EV ขับลุยน้ำได้ไหม?
- เผลอทำอาหารหกบนรถ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าชีวิตคนเมืองส่วนใหญ่จำเป็นต้องพกของกินระหว่างเดินทาง ซึ่งบางครั้งก็ทำหกโดยไม่รู้ตัว หรือรู้ตัวแล้วทำความสะอาดไม่ดี หรือคิดว่าไม่เป็นไร เพราะมองว่าอาหารหรือขนมไม่ใช่เครื่องดื่ม แค่หยิบออกก็พอ แต่จริงๆ แล้วในอาหารทุกมื้อมีส่วนประกอบเป็นน้ำทั้งนั้น ส่วนขนมบางอย่าง เช่น ขนมปัง ก็มีเชื้อราอย่างยีสต์อยู่แล้ว หากเหลือทิ้งไว้ ย่อมทำให้เชื้อราแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น
อ่านเพิ่มเติม: เตรียมพร้อมช่วงหน้าฝน กับ 10 เทคนิคดูแลรถยนต์
- เปิดกระจกในช่วงฝนตก ทำให้น้ำฝนกระเด็นเข้ามาภายในรถ และซึมลงสู่ขอบยางกระจก ขอบยางประตู เบาะ และพื้นรถ แล้วปล่อยทิ้งไว้ ไม่ได้เช็ดให้แห้ง
- น้ำท่วมรถ เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ยอดฮิตที่เจอบ่อยช่วงหน้าฝน เพราะหลายส่วนของรถต้องเจอกับน้ำ ความชื้น และความสกปรก เรียกได้มีว่าครบทุกปัจจัยของการเกิดเชื้อราเลย
สารพัดวิธีกำจัดเชื้อรา
แม้ว่าหลายคนจะพยายามหลีกเลี่ยงสถานการณ์เสี่ยงเกิดราอย่างเต็มที่แล้ว แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะรู้ว่าตัวเองทำได้ไม่ได้ดีพอก็ตอนที่พบเชื้อราตัวเป็นๆ แล้ว เพราะเซลล์เชื้อราในระยะแรกเริ่มนั้นอาจมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
บทความนี้เลยจะมาแชร์วิธีกำจัดเชื้อราที่ทำได้เองให้คนใช้รถได้รู้กัน แต่ก่อนอื่นเจ้าของรถควรใส่ชุดให้มิดชิดก่อนลงมือ อาทิ สวมหน้ากาก ถุงมือ เสื้อขายาวและกางเกงขายาว เพราะเชื้อราอาจทำร้ายระบบทางเดินหายใจ และผิวหนังได้
อ่านเพิ่มเติม: เรื่อง เคลม เคลม ที่มากับฝน
- ถ้าเชื้อรายังมาแค่กลิ่น แก้ไขได้ง่ายด้วยๆ ด้วยการจอดรถในที่โล่ง เปิดประตูและกระจกรถทุกบาน เพื่อให้อากาศถ่ายเท และแสงแดดสาดส่องถึง เอาพรมหรือพื้นยางปูรถออกทั้งหมด แล้วใช้น้ำส้มสายชูกลั่นผสมน้ำ ฉีดพรมให้ทั่วบริเวณที่มีกลิ่นอับ แล้วทิ้งไว้ประมาณ 1 ชม. ก่อนเอาผ้าชุบน้ำสะอาดเช็ดซ้ำ แต่ถ้ากลิ่นยังไม่จางลง สามารถทำขั้นตอนนี้วนไปจนกว่ากลิ่นจะจางได้ พร้อมปิดท้ายด้วยการนำเบกกิ้งโซดาแบ่งใส่ขวด แล้วนำไปวางที่จุดอับเพื่อช่วยดูดกลิ่นอีกทางหนึ่ง
อ่านเพิ่มเติม: เปรียบเทียบประกันรถยนต์แต่ละชั้น คุ้มต่างกันยังไง?
- ถ้าเชื้อรามาให้เห็นเป็นชิ้นเป็นอันแล้ว ให้ใช้เครื่องดูดฝุ่นกับบริเวณนั้นๆ สักหนึ่งรอบก่อน หรือใช้ไม้กวาดแทนได้ แล้วค่อยเอาผ้าชุบน้ำผสมน้ำยาฆ่าเชื้อไปเช็ดบริเวณนั้นอีกรอบหนึ่ง ส่วนเชื้อราบนพรมหรือแผ่นยางปูพื้น ก็ให้นำออกมาซักล้างด้วยน้ำผสมผงซักฟอก แล้วตากให้แห้ง ก่อนใส่ไว้ในรถเหมือนเดิม และถ้าพบว่ามีกลิ่นอับ สามารถใช้วิธีเดียวกับข้อแรกได้เลย
ถ้าไม่ไหวให้หาตัวช่วย
เมื่อน้ำท่วมรถแบบหนักหนาสาหัสจนกำจัดเชื้อราด้วยตัวเองไม่ไหว ให้เรียกใช้ประกันภัยรถยนต์ที่มีจะดีกว่า เพราะประกันภัยชั้น 1 , 2+ (บางกรณี) และ 3+ (บางกรณี) คุ้มครองค่าเสียหายจากกรณีน้ำท่วมด้วย ถือว่าเป็นตัวช่วยดีๆ ของคนมีรถ
ดังนั้นหากใครไม่อยากเหนื่อยใจแล้วเหนื่อยกายซ้ำอีก ทางที่ดีควรทำประกันรถเอาไว้ หรือถ้ามีอยู่แล้วก็อย่าลืมอัปเกรดเป็นแผนที่ครอบคลุมกรณีน้ำท่วมด้วยนะ ทุกข์หนักจะได้กลายเป็นเบา ไม่ต้องไม่นั่งเศร้าใจเพราะเตรียมตัวไม่ดีพอ