7 สัญญาณเตือน! ว่าคุณมีภาวะนํ้าตาลในเลือดตํ่า
หลายคนคงเคยได้ยินว่าภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเป็นอาการทางระบบประสาทและจะเกิดกับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน แต่แท้จริงแล้วการมีภาวะนํ้าตาลในเลือดตํ่าสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ
แต่ถ้าเกิดกับกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานก็เสี่ยงที่จะเกิดอาการน้ำตาลในเลือดต่ำผิดปกติ หากควบคุมน้ำตาลได้ไม่ดี ถ้ามีอาการรุนแรงจะถึงขั้นหมดสติ ไม่รู้สึกตัวได้
ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำคืออะไร?
ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ คือภาวะที่ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่า 70 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หรือ 3.9 มิลลิโมลต่อลิตรในผู้ป่วยเบาหวาน หรือต่ำกว่า 55 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หรือ 3.1 มิลลิโมลต่อลิตรในคนทั่วไป
อ่านเพิ่มเติม: ซื้อประกันสุขภาพแบบไหน ถึงจะได้สิทธิลดหย่อนภาษี
เมื่อมีอาการ ควรรีบรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มหวานๆ ทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำรุนแรง ซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิตได้
อ่านเพิ่มเติม: ประกันสุขภาพ ลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่?
ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เกิดขึ้นได้บ่อยในผู้ป่วยเบาหวาน โดยเฉพาะเบาหวานประเภทที่ 1 แต่ก็อาจเกิดขึ้นได้กับคนทั่วไปได้เช่นกัน เมื่อมีอาการ ควรรีบรับประทานอาหารหวานๆ เพื่อป้องกันไม่ให้อาการแย่ลงการ จนเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำรุนแรง
โรคเบาหวานเกิดจากอะไร?
โรคเบาหวาน คือ โรคที่เซลล์ร่างกายมีความผิดปกติในขบวนการเปลี่ยนน้ำตาลในเลือดให้เป็นพลังงาน โดยขบวนการนี้เกี่ยวข้องกับอินซูลินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สร้างจากตับอ่อนเพื่อใช้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
อ่านเพิ่มเติม: ไอตอนกลางคืนบ่อยๆ อย่าชะล่าใจ อาจอันตรายกว่าที่คิด!
เมื่อน้ำตาลไม่ได้ถูกใช้จึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นกว่าระดับปกติ โรคเบาหวานแบ่งเป็น 4 ชนิด ตามสาเหตุของการเกิดโรค
1. โรคเบาหวานชนิดที่ 1 (type 1 diabetes mellitus, T1DM)
เกิดจากเซลล์ตับอ่อนถูกทำลายจากภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ขาดอินซูลิน มักพบในเด็ก
2. โรคเบาหวานชนิดที่ 2 (type 2 diabetes mellitus, T1DM)
เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด ร้อยละ 95 ของผู้ป่วยเบาหวานทั้งหมด เกิดจากภาวะดื้อต่ออินซูลิน มักพบในผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วนร่วมด้วย
3. โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (gestational diabetes mellitus, GDM)
เป็นโรคเบาหวานที่เกิดขึ้นขณะตั้งครรภ์ มักเกิดเมื่อไตรมาส 2-3 ของการตั้งครรภ์
4. โรคเบาหวานที่มีสาเหตุจำเพาะ (specific types of diabetes due to other causes)
มีได้หลายสาเหตุ เช่น โรคทางพันธุกรรม โรคของตับอ่อน โรคทางต่อมไร้ท่อ ยาบางชนิด เป็นต้น
7 อาการเบื้องต้น สังเกตอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ
สัญญาณและอาการของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ได้แก่
- หน้าซีด ปากซีด
- เหงื่อออก
- ตัวสั่น กระสับกระส่าย ไม่มีสมาธิ
- คลื่นไส้ เวียนศีรษะ ปวดหัว
- ไม่มีสมาธิ
- หัวใจเต้นเร็ว
- ปาก ลิ้น แก้มชา
อ่านเพิ่มเติม: เลือกให้ถูก ซื้อประกันสุขภาพตอนไหน? คุ้มที่สุด!
การแก้ไขภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
เมื่อเริ่มมีอาการ ควรรีบตรวจดูระดับน้ำตาลในเลือด โดยวิธีการเจาะเลือดที่ปลายนิ้ว และแก้ไขตามระดับอาการ ดังนี้
อาการไม่มากและรู้สึกตัวดี
ให้กินอาหารทันที ถ้าเวลาที่เกิดใกล้มื้ออาหารหลัก แต่หากอยู่ระหว่างมื้ออาหาร ควรกินอาหารว่าง เช่น นมพร่องมันเนย (240 ซีซี) หรือผลไม้ขนาดกลาง 1 ลูก หรือ แครกเกอร์ 2-3 แผ่น
อาการค่อนข้างมาก แต่รู้สึกตัวดี
ให้กินอาหารพวกคาร์โบไฮเดรตที่ดูดซึมเร็วอย่างใดอย่างหนึ่ง ต่อไปนี้
- น้ำผลไม้คั้นสดไม่เติมน้ำตาล ปริมาณ ½ แก้ว
- ลูกอม 2 เม็ด หรือน้ำตาล 2 ก้อน
- น้ำหวาน ½ แก้ว (น้ำหวานเข้มข้น 2 ช้อนโต๊ะผสมน้ำให้ได้ปริมาณ 120 ซีซี)
- น้ำตาลทราย 3 ช้อนชา
- น้ำผึ้ง 3 ช้อนชา
หลังจากนั้นให้รับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ขนมปัง ข้าว หรือก๋วยเตี๋ยว ต่อเลยทันที
อาการเป็นมาก
ไม่รู้สึกตัวหรือมีอาการชัก ห้ามให้อาหารทางปากเด็ดขาด เพราะอาจสำลักเข้าปอด ควรนำส่งโรงพยาบาลทันที
การป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
- รับประทานอาหารตรงเวลาและมีปริมาณเหมาะสมตามความต้องการพลังงานของร่างกายแต่ละคน
- ไม่ควรงดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง
- ฉีดอินซูลินหรือกินยาลดระดับน้ำตาลในเลือดตามแพทย์สั่ง ไม่เพิ่มหรือลดยาเอง (ยกเว้นกรณีแพทย์แนะนำให้ปรับยาเองได้) ออกกำลังกายอย่างสม่ำสมอ ไม่หักโหมจนเกินไป ถ้าออกกำลังกายมากกว่าปกติ ควรกินอาหารว่างก่อนออกกำลังกาย ประมาณ 15-30 นาที เช่น นมพร่องมันเนย 1 แก้ว หรือ ขนมปัง แครกเกอร์ 2-3 แผ่นใหญ่ หรือผลไม้ขนาดกลาง 1 ผล เช่น ส้ม กล้วยน้ำว้า หรือ ผลไม้ใหญ่ ½ ผล เช่น ฝรั่ง แอปเปิ้ล สาลี่ กล้วยหอม
อ่านเพิ่มเติม: ตรวจสุขภาพประจําปี ต้องตรวจโรคอะไรบ้าง?
- ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ
- ปรึกษาแพทย์ในกรณีที่ต้องกินยาสำหรับรักษาโรคอื่นๆ ร่วมด้วย เพราะยาเหล่านั้นอาจมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดได้
- บอกให้ญาติหรือบุคคลใกล้ชิดทราบว่าเป็นเบาหวานและอธิบายการแก้ไขที่ถูกต้องให้รับทราบ
- ควรมีลูกอม น้ำหวานหรือน้ำผลไม้ 100% หรือขนมปังแครกเกอร์เก็บไว้ใกล้ตัวตลอดเวลา เผื่อยามฉุกเฉิน
- ช่วงที่เจ็บป่วย หากทานอาหารไม่ได้ ควรพบแพทย์เพื่อปรับยา
เพื่อเฝ้าระวังและป้องกันเพื่อให้เราไม่เสี่ยงมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ แนะนำให้ปฎิบัติตามคำแนะนำข้างต้น และที่สำคัญควรหมั่นตรวจสุขภาพประจำปีในทุกปี
เพราะเป็นการตรวจเพื่อให้ได้รู้ว่าร่างกายของเราแข็งแรงดีหรือมีภาวะเสี่ยงเป็นโรคอื่นๆ อีกหรือไม่ การป้องกันและตรวจสุขภาพเบื้องต้นจะทำให้รู้และป้องกัน หรือรักษาได้ทันเวลากว่า