ไข้อีดำอีแดง เกิดจากอะไร? ประกันสุขภาพคุ้มครองไหม?

เมื่อไม่นานมานี้ คนไทยได้รู้จักกับ “โรคไข้อีดำอีแดง” ในฐานะโรคระบาดใหม่ล่าสุดที่ทำให้บางโรงเรียนต้องประกาศหยุดทำการเรียนการสอนกะทันหัน เพราะพบการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างในกลุ่มนักเรียนอนุบาลและประถมศึกษา ซึ่งเป็นกลุ่มเด็กเล็กที่มีความเสี่ยงสูงในหลายๆ ด้าน
สถานการณ์ดังกล่าวนอกจากจะทำให้พ่อแม่ ผู้ปกครองเป็นกังวลเรื่องสุขภาพของเด็กๆ ในครอบครัวแล้ว ยังเกิดความกังวลตามมาด้วยว่า ถ้าเป็นโรคไข้อีดำอีแดงประกันสุขภาพจะคุ้มครองไหม? ถ้าป่วยแล้วจะเคลมค่ารักษาพยาบาลได้หรือไม่? เพราะก่อนหน้านี้โรคไข้อีดำอีแดงยังไม่ค่อยมีใครพูดถึง หลายคนเพิ่งรู้จักหรือเพิ่งเคยได้ยินชื่อในปี 2568 และดูเหมือนจะเป็นโรคอุบัติใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน จึงอาจอยู่นอกเหนือเงื่อนไขความรับผิดชอบของประกันสุขภาพ
บทความนี้จะพาทุกคนไปไขข้อสงสัยนี้พร้อมๆ กัน
โรคไข้อีดำอีแดง คืออะไร?
โรคไข้อีดำอีแดง (Scarlet Fever) เกิดจากการได้รับสารพิษอิริโทรเจนิกท๊อกซิน (Erythrogenic toxin) จากเชื้อแบคทีเรีย เสตร็ปโตคอสคัส ชนิดเอ (Streptococcus group A) ที่แพร่กระจายผ่านสารคัดหลั่งของผู้ป่วย เช่น น้ำมูก น้ำลาย เสมหะ เป็นต้น เมื่อคนทั่วไปหายใจเอาอากาศที่มีการปนเปื้อนเชื้อเข้าสู่ร่างกาย ใช้ของใช้ร่วมกับผู้ป่วย หรือรับเชื้อผ่านการสัมผัสอื่นๆ ก็จะทำให้ติดเชื้อได้ง่ายๆ
อย่างไรก็ตามเสตร็ปโตคอสคัส ชนิดเอ ไม่ใช่เชื้อโรคแปลกใหม่ที่เพิ่งค้นพบ หรือมีความอันตรายมากนัก โดยเป็นเชื้อก่อโรคชนิดเดียวกับหลายโรคที่พบได้บ่อย เช่น โรคติดเชื้อผิวหนัง โรคคอหอยอักเสบ โรคหัวใจรูมาติก ฯลฯ
แต่สาเหตุที่ทำให้หลายคนตื่นตระหนกหรือเกิดความกลัวกับการระบาดในช่วงนี้ เนื่องจากโรคไข้อีดำอีแดงเป็นโรคเก่าแก่ที่กลับมาระบาดซ้ำอีกครั้งหลังจากเงียบหายไปนานหลายปี ซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนไม่เคยเป็น หรือไม่เคยรู้จักโรคนี้มาก่อน และเมื่อเกิดขึ้นกับเด็กๆ ในครอบครัว หรือแม้แต่เกิดขึ้นกับตัวผู้ใหญ่เอง จึงไม่รู้วิธีรักษาและป้องกันอย่างเหมาะสม ส่งผลให้โรคลุกลามและมีภาวะแทรกซ้อนตามมา
สถิติผู้ป่วยโรคไข้อีดำอีแดง
ข้อมูลล่าสุดจากกรมควบคุมโรคเปิดเผยว่า ค่ามัธยฐานของผู้ป่วยโรคไข้อีดำอีแดงย้อนหลัง 5 ปี มีประมาณ 605 รายต่อปี ส่วนจำนวนผู้ป่วยสะสมตั้งแต่ต้นปี 2568 ถึง 5 มีนาคม 2568 มีจำนวน 914 คน และยังไม่มีผู้เสียชีวิต แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เมื่อไม่นานมานี้ มีบันทึกว่าผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมากถึง 322 คน ภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์
โรคไข้อีดำอีแดงมีอาการอย่างไร?
- ระยะเริ่มต้น โรคไข้อีดำอีแดงจะอาการคล้ายไข้หวัดทั่วไป คือมีไข้สูงเกิน 38.3 องศาเซลเซียส รู้สึกหนาวสั่น ปวดศีรษะ อ่อยพลีย ปวดเมื่อยตามตัว และเจ็บคอ
- หลังจากมีไข้ 1-2 วัน ผู้ป่วยจะเริ่มมีผื่นแดงขึ้นบริเวณรอบคอ หน้าอก และกระจายไปตามลำตัวอย่างรวดเร็วภายใน 24 ชั่วโมง โดยผื่นที่พบจะมีลักษณะเป็นเม็ดหยาบๆ เมื่อลูบจะรู้สึกสากคล้ายกระดาษทราย และอาจมีอาการคันร่วมด้วย ซึ่งขณะเดียวกันอาจพบตุ่มสีแดงที่ลิ้น คล้ายผลสตรอเบอรี่ ทอนซิลอาจบวมแดงและมีหนอง รวมถึงต่อมน้ำเหลืองข้างลำคออาจมีการบวมโต
- ต่อมาผื่นบริเวณข้อพับต่างๆ จะมีสีเข้มขึ้น และหลังจากผื่นขึ้นประมาณ 3-4 วัน จะเริ่มจางหายไปเอง
- หลังจากผื่นจางได้ 1 สัปดาห์ ผิวหนังบริเวณรักแร้ ขาหนีบ และปลายนิ้วมือเท้าที่มีผื่น จะลอกเป็นแผ่น ส่วนผิวหนังตามลำตัวมักลอกเป็นขุย ซึ่งอาการผิวลอกนี้อาจพบติดต่อกันได้นานเป็นเดือน
ทั้งนี้ ผู้ป่วยโรคไข้อีดำอีแดงบางรายอาจจะมีผื่นก่อนเป็นไข้ หรือมีไข้ก่อนเป็นผื่นก็ได้ ขึ้นอยู่กับสภาวะร่างกายของแต่ละบุคคล และเชื้อก่อโรคที่ได้รับ แต่มักจะเกิดทั้งสองกลุ่มอาการร่วมกัน
ใครบ้างที่ต้องระวังโรคไข้อีดำอีแดง?
โรคไข้อีดำอีแดงเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่จะพบได้บ่อยในกลุ่มเด็กวัยเรียนอายุ 5-15 ปี เพราะเป็นวัยที่เริ่มเข้าสังคม มีการรวมกลุ่มกับเพื่อนทั้งที่โรงเรียน ที่บ้าน และสนามเด็กเล่น อีกทั้งยังชอบทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับเพื่อนวัยเดียวกันอย่างใกล้ชิด
ดังนั้นเมื่อมีเด็กคนใดคนหนึ่งป่วย ก็จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดได้อย่างง่ายดาย พ่อแม่ ผู้ปกครอง รวมถึงคุณครู ควรหมั่นสังเกตอาการของเด็กๆ วัยนี้อย่างสม่ำเสมอ หากพบความผิดปกติ ควรแยกเด็กคนนั้นออกจากกลุ่มเพื่อน และรีบพาไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาที่เหมาะสม และลดโอกาสแพร่กระจายเชื้อก่อโรคไปสู่เด็กคนอื่นในอนาคต
โรคไข้อีดำอีแดงป้องกันได้
ปัจจุบัน โรคไข้อีดำอีแดงยังไม่มีวัคซีนที่สามารถป้องกันการเกิดโรคได้ จึงต้องอาศัยการดูแลสุขภาพร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอ ดังนี้
- รับประทานอาหารที่ประโยชน์ครบ 5 หมู่
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย แต่หากมีความจำเป็น จะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่อเข้าใกล้ผู้ป่วย ร่วมกับล้างมือทั้งก่อนและหลังสัมผัสผู้ป่วย
- หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย เช่น ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ช้อนทานข้าว เป็นต้น หากสัมผัสสิ่งของเหล่านั้นโดยไม่ตั้งใจ หรือมีเหตุจำเป็นให้ต้องสัมผัส ควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังสัมผัสโดนสิ่งของผู้ป่วย
วิธีรักษาโรคไข้อีดำอีแดง
หากทำตามวิธีป้องกันอย่างเต็มที่แล้วแต่ยังไท้สามารถรอดพ้นจากการเป็นโรคไข้อีดำอีแดงได้ แนะนำให้รีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาตามขั้นตอนดังนี้
- เมื่อพบว่าผู้ป่วยเป็นโรคไข้อีดำอีแดงวิธีรักษา ขั้นตอนแรกแพทย์จะรักษาด้วยยการให้ยาปฏิชีวนะ อาทิ เพนนิซิลิน (Penicillin) อะมอกซิซิลิน (Amoxycillin) หรืออิริโทรมัยสิน (Erythromycin) ต่อเนื่องเป็นเวลา 10 วัน และถึงแม้อาการป่วยจะหายไปภายในไม่กี่วัน แต่ผู้ป่วยต้องรับประทานยาต่อไปจนครบ 10 วัน เพื่อป้องกันการดื้อยาในอนาคต
- กักตัวผู้ป่วยแยกจากคนในครอบครัว เพื่อน และคนทั่วไป จนกว่าจะได้รับยาปฏิชีวนะไปแล้วอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพราะถือว่าเป็นระยะปลอดภัยที่จะไม่แพร่เชื้อให้ผู้อื่นแล้ว
- ระหว่างรับการรักษา แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยควรพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ และดื่มน้ำสะอาดประมาณ 8-10 แก้วต่อวัน หรือ 1,200-2,000 มิลลิลิตร
อย่างไรก็ตาม ระหว่างเกิดอาการป่วยโรคไข้อีดำอีแดง ผู้ป่วยอาจมีภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ เช่น มีไข้ร่วมกับอาการเหนื่อยง่าย ปวดข้อ ปัสสาวะเป็นสีแดงหรือเลือดปน โรคไข้รูมาติกและหน่วยไตอักเสบเฉียบพลันซึ่งมักเกิดหลังต่อมทอนซิลอักเสบประมาณ 1-4 สัปดาห์ ฯลฯ เป็นต้น จึงจำเป็นต้องรีบพบแพทย์ทันทีที่มีอาการเข้าเกณฑ์ป่วย เพื่อลดโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดจากภาวะแทรกซ้อน ทั้งความเสี่ยงด้านสุขภาพ และความเสี่ยงด้านค่าใช้จ่าย ที่อาจต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลบ่อยครั้ง และจ่ายต่อเนื่องยาวนาน
ประกันสุขภาพคุ้มครองโรคไข้อีดำอีแดงไหม?
เมื่อเกิดอาการเจ็บป่วย สิ่งสำคัญที่จะช่วยคลายกังวลได้ คือ “ประกันสุขภาพ” แผนประกันที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่เกิดจากอาการเจ็บป่วยของผู้เอาประกัน ซึ่งที่ผ่านมาการเคลมประกันสุขภาพอาจไม่ใช่เรื่องยากสำหรับใครหลายคน ที่มักจะเจ็บป่วยด้วยโรคยอดฮิตที่พบได้บ่อยๆ เช่น ไข้หวัดใหญ่ ท้องร่วง โรคติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ โรคติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี เป็นต้น เพราะเงื่อนไขความคุ้มครองพื้นฐานของประกันสุขภาพจะครอบคลุมโรคเหล่านี้อยู่แล้ว
แต่เมื่อมีการระบาดของโรคไข้อีดำอีแดงเกิดขึ้น หลายคนที่มีกรมธรรม์ประกันสุขภาพในมือ และคนที่กำลังตัดสินใจทำประกัน ก็เกิดข้อสงสัยว่า ประกันสุขภาพจะให้ความคุ้มครองโรคไข้อีดำอีแดงด้วยไหม?
สำหรับความสงสัยนี้ เราช่วยยืนยันได้ว่า ประกันสุขภาพ “ให้ความคุ้มครอง” โรคไข้อีดำอีแดงด้วย เพราะโรคนี้ไม่ใช่โรคอุบัติใหม่ แต่มีมานานแล้ว โดยจัดเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังตาม พ.ร.บ. โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 สามารถพบเจอได้ทั่วไป และมีอาการไม่รุนแรง เข้าข่ายโรคเจ็บป่วยทั่วไปที่รักษาให้หายได้
รวมถึงยังเป็นโรคที่ไม่เข้าเกณฑ์ยกเว้นความคุ้มครองด้วยเช่น ไม่ใช่โรคเรื้อรัง ไม่ใช่การตรวจรักษาหรือการผ่าตัดเพื่อเสริมสวย ไม่ใช่ปัญหาที่เกิดจากการตั้งครรภ์ แท้งบุตร ทำแท้ง การคลอดบุตร ไม่ใช่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ไม่ใช่โรคทางจิตเวช เป็นต้น
ดังนั้นคนที่มีประกันสุขภาพอยู่แล้ว หรือกำลังคิดจะทำประกันสุขภาพให้ตัวเองหรือคนในครอบครัวในเร็วๆ นี้ ก็สามารถอุ่นใจและสบายใจได้อย่างเต็มที่ เพราะเมื่อป่วยเป็นโรคไข้อีดำอีแดง ประกันสุขภาพจะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย และทำให้คุณได้รับการรักษาจากสถานพยาบาลที่มีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรทางการแพทย์ ยา เวชภัณฑ์ รวมถึงบริการด้านอื่นๆ
สนใจทำประกันสุขภาพคุ้มครองโรคไข้อีดำอีแดง ติดต่อ SMILE INSURE โทร 02-233-9999 (เวลาทำการ 9.00-18.00 น.) หรือ Add Line @smileinsure
ขอบคุณที่มาจาก: