9 เคล็ดลับ ดูแลรถยนต์ในหน้าร้อน ก่อนออกเดินทาง
9 เคล็ดลับ ดูแลรถยนต์ในหน้าร้อน ก่อนออกเดินทาง
อากาศร้อนอบอ้าวในช่วงนี้ นอกจากจะทำให้คนเราต้องดูแลสุขภาพมากขึ้นแล้ว ยังต้องดูแลสภาพรถยนต์มากเป็นพิเศษด้วย เพราะการทำงานของรถคือการเผาไหม้เชื้อเพลิงเป็นพลังงาน ย่อมทำให้เกิดความร้อนสูง เมื่อยิ่งเจอกับความร้อนจากอากาศก็ยิ่งทำให้ความร้อนภายในระบบสูงขึ้นเป็นเท่าตัว และเกิดเป็นผลเสียร้ายแรง ทั้งทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักเกินไป ส่วนประกอบต่าง ๆ ของรถยนต์มีโอกาสชำรุด และเสื่อมสภาพได้เร็วขึ้น
ซึ่งทั้งหมดเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ดังนั้นหน้าร้อนแบบนี้อย่าลืมมาดูแลรถของคุณให้พร้อมสำหรับทุกการเดินทาง
เช็กรถหน้าร้อน...เรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
คุณเคยเจอคนที่ต้องจอดรถพักข้างทางเพราะมีควันพุ่งขึ้นมาจากห้องเครื่องไหม หรืออยู่ดี ๆ ก็ยางแตกจนแฉลบออกนอกเส้นทางหรือเปล่า รู้หรือไม่ว่าเหตุการณ์เหล่านี้สามารถเกิดขึ้นง่าย ๆ ในหน้าร้อน ถ้าคุณไม่อยากเปลี่ยนจากผู้พบเห็นเหตุการณ์ไปเป็นผู้ประสบเหตุเองล่ะก็ ควรเช็คร้อนหน้าร้อนอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะก่อนเดินทาง เพื่อสร้างความมั่นใจว่ารถยนต์คันเก่งพร้อมพาคุณถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ดังนี้
1. ระบบหล่อเย็น
หน้าที่ของระบบหล่อเย็น คือช่วยลดความร้อนที่เกิดขึ้นจากการทำงานของรถด้วยของเหลว (Liquid Cooling System) มีส่วนประกอบหลักเป็นหม้อน้ำ วาล์วน้ำ ปั๊มน้ำ พัดลมระบายความร้อน และน้ำยาหล่อเย็น ผู้ขับขี่ควรหมั่นตรวจสอบให้แต่ละส่วนอยู่ในสภาพสมบูรณ์ก่อนใช้งาน เช่น น้ำในหม้อน้ำอยู่ในขีดที่เหมาะสม ไม่แห้งขอด น้ำยาหล่อเย็นเปลี่ยนใหม่แล้ว วาล์วน้ำและพัดลมไม่ชำรุด เป็นต้น รวมทั้งควรทำความสะอาดหม้อน้ำ เมื่อฝุ่นเกาะติดมากเกินไป
2. แบตเตอรี่
แบตเตอรี่เป็นอีกหนึ่งส่วนประกอบที่อยู่ในห้องเครื่อง เมื่อเครื่องยนต์ร้อน แบตก็จะร้อนตามไปด้วย จึงมีโอกาสที่ขั้วแบตและสายไฟจะทนความร้อนไม่ไหวจนเสื่อมสภาพไวกว่าปกติ ผู้ขับขี่ควรเช็กสภาพแบตให้อยู่ในสภาพปกติ และเติมน้ำกลั่นให้เต็มอยู่ตลอด
3. ฟิล์มรถยนต์
ถ้าคนมีเสื้อแขนยาวเป็นอุปกรณ์ป้องกันแสงแดดและความร้อน รถก็มีฟิล์มกรองแสงที่ทำหน้าที่ไม่ต่างกัน การติดฟิล์มจะช่วยให้ภายในห้องโดยสารเย็นลง ลดการทำงานหนักของระบบปรับอากาศและเครื่องยนต์ แต่บางครั้งอากาศที่ร้อนเกินไปเมื่อมาเจอกับฟิล์มที่ติดมาหลายปีแล้ว ก็อาจทำให้ฟิล์มแห้งกรอบแล้วหลุดลอกออกมาได้ อย่าลืมเช็กสภาพฟิล์มทุกจุดให้ดี หรือไปติดเพิ่มถ้ารถของคุณยังไม่มีฟิล์ม
4. ระบบแอร์
สิ่งสำคัญของระบบนี้คือน้ำยาแอร์ ควรเปลี่ยนหรือตรวจเช็คอย่างน้อยปีละ 3 ครั้ง เพราะถ้าเหลือน้อยหรือเสื่อมสภาพ อาจทำให้ระบบทำความเย็นของรถทำงานผิดปกติ และยิ่งทำให้เครื่องยนต์มทำงานหนักขึ้น
5. เบรก
บางคนอาจไม่รู้ว่าความร้อนสามารถไปสะสมอยู่ที่จานเบรกได้ เมื่อต้องเบรกกะทันหัน อาจทำให้จานเบรกเบี้ยวโดยไม่ตั้งใจ ทำให้เหยียบเบรกไม่ค่อยลง และเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายๆ อย่าลืมเช็กเบรกสม่ำเสมอ
6. ยางขอบประตูและที่ปัดน้ำฝน
ยางขอบประตูและที่ปัดน้ำฝน เมื่อต้องโดนความร้อนนานๆ โดยเฉพาะการจอดรถตากแดดหลายชั่วโมง จะทำให้ความยืดหยุ่นลดลง ที่ปัดน้ำฝนอาจฝืดจนกระจกเป็นรอย หรือประตูปิดไม่สนิท ซึ่งบางคนมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ห้องโดยสารร้อนเกินไป แอร์และเครื่องยนต์ต้องทำงานหนักขึ้นกว่าปกติ
7. ลมยางรถยนต์
อากาศร้อนจะทำให้ความดันภายยางเพิ่มสูงขึ้น เมื่อล้อรถเสียดสีกับถนนที่ร้อนจัดบ่อยๆ เข้า ยางจะเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็วและแตกได้ในที่สุด เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ผู้ขับขี่ควรเช็คลมยางรถยนต์อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ว่าอยู่ในสภาพดี ไม่หย่อนหรือตึงเกินไป
8. ปรับพฤติกรรมผู้ขับขี่
นอกจากการตรวจเช็คสภาพรถแล้ว สิ่งที่ผู้ขับขี่ควรทำต่อมาคือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างให้เหมาะสมกับการใช้รถช่วงหน้าร้อน เช่น
- อย่ารีบสตาร์ทรถ
เมื่อจอดรถตากแดดเป็นเวลานานแล้วจะขับออกไป ควรเปิดประตูและลดกระจกหน้าต่างลงเพื่อระบายความร้อนออกจากห้องโดยสารไปพอประมาณก่อน แล้วค่อยสตาร์ทรถ พร้อมกับเปิดแอร์แบบไล่ระดับขึ้นอย่างช้า ๆ เพื่อไม่ให้ระบบแอร์และเครื่องยนต์ทำงานหนักเกินไป - พักรถเป็นระยะเมื่อต้องเดินทางไกล
การขับรถไกลในหน้าร้อนเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะอุณหภูมิรถจะสูงมากติดต่อกันเป็นเวลานาน ทางที่ดีควรหยุดพักทุก 200 - 300 กิโลเมตร - หมั่นสังเกตเครื่องยนต์
อย่าขับรถเพลินจนไม่สนใจเครื่องยนต์ หากรู้สึกว่ารถทำงานผิดปกติ เช่น เหยียบเบรกไม่ค่อยลง พวงมาลัยสั่น ยางอ่อนตัว เข็มวัดอุณหภูมิเบี่ยงไปจนถึงตัว H ฯลฯ ให้รีบหาจุดพักรถ แล้วเช็คอย่างละเอียดทันที อย่าฝืนไปต่อ
9. เน้นย้ำความมั่นใจในทุกการเดินทาง
สุดท้าย เรื่องสำคัญที่คนใช้รถควรทำควบคู่กับทั้งการเช็ครถหน้าร้อนและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม คือทำ “ประกันรถยนต์” เพิ่มความมั่นใจให้ทุกการเดินทาง เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นแบบเหนือความคาดหมาย เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ในช่วงที่อากาศร้อนจัดแบบนี้