5 วิธีง่ายๆ ดูแลแอร์รถด้วยตนเอง

ทุกวันนี้อากาศบ้านเราก็ร้อนเต็มที ออกไปข้างนอกก็แทบจะไหม้ไปกับแดด  แต่ถึงอากาศข้างนอกจะร้อนแค่ไหน เปิดประตูขึ้นรถออกเดินทางทั้งที ก็อยากได้แอร์เย็นฉ่ำ ชนิดที่ว่าต่อให้ข้างนอกจะร้อนเหมือนทะเลทราย แต่ในรถต้องเย็นสบาย วันนี้เราเลยนำวิธีดูแลรักษาแอร์รถยนต์ง่ายๆ ด้วยตัวเองมาฝากกัน

1. เปิดแอร์ให้ถูกวิธี

ขั้นตอนแรกของการจะรักษาดูแล เราก็ควรรู้วิธีเปิดแอร์ให้ถูกต้องซะก่อน ไม่ควรเปิดแอร์จนสุดทันทีที่เริ่มเปิด โดยควรให้คอมเพรสเซอร์แอร์ หรือเรียกกันง่ายๆว่า คอมแอร์ ได้วอร์มก่อนสัก 5 นาที ไม่ใช่ว่าขึ้นรถมาปุ้ปก็จัดการปรับแอร์ไปแรงที่สุด แบบนี้ถือเป็นการใช้แอร์ผิดมากๆ เสี่ยง คอมแอร์พังมากๆ อีกอย่างที่ไม่ควรทำเลยก็คือ ไม่ควรตั้งอุณหภูมิเย็นจนเกินไป จะทำให้แอร์รถยนต์ทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา และอาจทำให้แอร์เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติได้

2. ดูดฝุ่นในรถเป็นประจำ

การดูดฝุ่นในรถเป็นประจำ นอกจากจะช่วยลดฝุ่นละอองตามพรมรถ และเบาะรถยนต์แล้ว ยังลดความเสี่ยงที่ฝุ่นจะเข้าไปในอุดตันในระบบแอร์อีกด้วย ที่สำคัญยังทำให้อากาศในรถบริสุทธิ์ขึ้นอีกด้วยนะ ถ้าไม่ยากเกินไปล้างรถเดือนละครั้งก็น่าจะช่วยได้นะ

3. ล้างแอร์รถยนต์

ควรหมั่นล้างแอร์เพื่อทำความสะอาดอยู่เสมอ ควรเปลี่ยนไส้กรองแอร์ทุก 3 เดือน หรือ 2 หมื่นกิโลเมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพื้นที่การใช้งานด้วยนะ หากใช้รถในพื้นที่ที่มีฝุ่นเยอะ ก็ควรจะตรวจเช็คทุกๆ 1 หมื่นกิโลเมตร และไม่ควรเปิดกระจกขับรถบ่อยๆ  เพื่อพราะจะทำให้ฝุ่นละอองจากภายนอก เข้ามาอุดตันในตู้แอร์ได้เร็วยิ่งขึ้น

4. ดูแลรักษาคอล์ยเย็น

ไม่ควรนำน้ำหอมชนิดที่เป็นแบบมีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ ไปเสียบไว้หน้าช่องแอร์ เพราะจะทำให้ตู้แอร์ผุกร่อนเร็วขึ้น น้ำหอมเหล่านี้มีคุณสมบัติในการดูดความชื้น ทำให้ฝุ่นผงไปจับตัวที่ครีบระบายความเย็นเพราะไปบังช่องทางของลมแอร์ที่จะออกมา ทำให้ความสามารถในการถ่ายเทความร้อนจะลดลงไปด้วย ทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักมากยิ่งขึ้น พยายามให้ศูนย์บริการทำความสะอาดคอล์ยเย็นเป็นครั้งคราวเมื่อรู้สึกว่า ประสิทธิ์ภาพในการทำความเย็นของระบบปรับอากาศลดลง เปิดแค่ไหนก็ไม่เย็น ต้องเช็คและทำความสะอาดบ้างนะ

5. ปิดสวิตช์ A/C ก่อนถึงที่หมาย

ในเมื่อรู้วิธีเปิดที่ถูกต้องแล้ว ก็ควรรู้วิธีปิดแอร์ที่ถูกต้องด้วย ก่อนขับรถถึงที่หมายสักพัก แนะนำให้ปิดสวิตช์ A/C พร้อมกับเปิดพัดลมไปที่ระดับแรงสุด เพื่อเป็นการไล่ความเย็น และความชื้นออกจากระบบแอร์ ซึ่งความชื้นที่ค้างอยู่ในช่องแอร์อาจเป็นสาเหตุของกลิ่นอับชื้นและสาเหตุของเชื้อโรคต่างๆได้

6. ปิดแอร์ก่อน หรือหลังดับเครื่องยนต์

ในรถรุ่นเก่าเพื่อนๆ คงเคยได้ยินคำแนะนำที่ว่าให้ปิดแอร์ก่อนดับเครื่องยนต์นะ เพราะหากแบตเตอรี่อ่อนอยู่แล้ว จะยิ่งทำให้ไปกระชากแบตเตอรี่ในการสตาร์ทครั้งต่อไปอีกด้วย เผลอๆ อาจทำให้พัดลมแอร์ทำงานหนักจนแฮงค์ไปเลยก็มี

แต่สำหรับรถรุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบัน มีระบบอัตโนมัติควบคุมให้คอมเพรสเซอร์ทำงานเมื่อเครื่องยนต์หมุนเร็วพอ จะเปิดแอร์ไว้หรือปิดไว้ ตอนติดเครื่องยนต์จะสั่งการไม่ให้คอมเพรสเซอร์ทำงานอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเปิดแอร์ไว้ตลอดได้เลย

ส่วนกรณีที่ขับรถอยู่โดยไม่เปิดแอร์ เมื่อตัดสินใจอยากจะเปิด ไม่ควรเปิดตอนเครื่องยนต์หมุนด้วยความเร็วสูงครับ ควรให้คอมเพรสเซอร์เริ่มทำงานที่ความเร็วรอบต่ำก่อนจะดีกว่า

ในเมื่อรู้วิธีดูแลรักษา และยืดอายุการใช้งานของแอร์รถยนต์แล้ว ก็อย่าลืมนำไปใช้ เพราะแอร์รถยนต์ถือเป็นอุปกรณ์สำคัญอีกอย่างหนึ่งภายในรถ ที่ช่วยปรับอากาศภายในห้องโดยสารให้มีความเย็นสบาย ในเมื่อขับขี่สบายกายแล้ว การขับขี่อย่างสบายใจ ไม่หงุดหงิดกับอากาศที่ร้อนเกินไป ยังช่วยให้ระมัดระวังและปลอดภัยจากอุบัติเหตุก็ด้วยนะ