แบตเตอรี่รถยนต์ เปลี่ยนทั้งที เลือกแบบนี้ ดูแลยังไง?
แบตเตอรี่รถยนต์ เปลี่ยนทั้งที เลือกแบบนี้ ดูแลยังไง?
จอดรถทิ้งไว้ กลับมาอีกทีสตาร์ทไม่ติดเสียแล้ว แบตเตอรี่หมดหรือป่าวนะ? ใช่หรือป่าว? การดูแลรถยนต์นั้นนอกจากจะต้องดูเครื่องยนต์ ยาง ดวงไฟต่างๆ แบตเตอรี่ ก็เป็นอีกหนึ่งชิ้นส่วนที่คนใช้รถจะละเลยไม่ได้ เพราะนี่คือส่วนประกอบสำคัญในการเริ่มต้นใช้งานรถยนต์ ถ้าไม่มีแบตเตอรี่ รถก็สตาร์ตไม่ติดนั่นเอง
อายุการใช้งานแบตเตอรี่โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 18 เดือน หรือ 1 ปีครึ่ง บางคนอาจจะใช้ได้ถึง 2 ปี ซึ่งก็จะอยู่ที่รุ่นแบตเตอรี่และการใช้งานด้วยว่าจะมีอายุการใช้งานเท่าไหร่ แต่โดยส่วนใหญ่เมื่อแบตเตอรี่จะหมดก็มักจะมีอาการแจ้งเตือนบอกให้เจ้าของรถรู้กันอยู่แล้ว เช่น สตาร์ทติดยากผิดปกติ น้ำกลั่นหมดเร็วกว่าปกติ ไฟหน้าไม่สว่างเหมือนเดิม กระจกไฟฟ้าเลื่อนขึ้น-ลง ช้ากว่าปกติ เมื่อมีสัญญาณเตือนเหล่านี้ให้รีบเตรียมตัว เก็บเงิน เตรียมตัวเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้เลย..
แล้วถ้าต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่เราควรเลือกใช้แบบไหนดี ?
เอาล่ะวันนี้จะมาแยกข้อดี ข้อเสียแต่ละชนิดให้เพื่อนๆ ทราบกัน ซึ่งต้องบอกก่อนว่า การใช้งานแบตเตอรี่ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้รถว่าจะเลือกใช้แบบไหนดี บางคนอยากใช้นานหน่อย บางคนอยากประหยัดเงิน หรือบางคนไม่อยากต้องเติมน้ำกลั่นหรือเช็คบ่อยๆ ต้องตัดสินใจกันด้วยตังเองนะ
แบตเตอรี่น้ำ แบตเตอรี่รุ่นดั้งเดิม มีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ราคาถูกที่สุด แบตเตอรี่รุ่นนี้จะมีรูเติมน้ำกลั่น สามารถหมุนเปิดได้ด้วยมือเปล่า แบตเตอรี่ชนิดนี้มีการสูญเสียน้ำค่อนข้างสูง ต้องหมั่นดูแลเรื่องการเช็คน้ำกลั่นอยู่บ่อยๆ เพราะถ้าหากลืมเติมน้ำกลั่นจนแบตแห้ง จะทำให้อายุการใช้งานของแบตสั้นลง
- ข้อดี ราคาถูก ใช้งานได้นาน มีความทนทานต่อการปะจุไฟเกินและคายประจุ
- ข้อเสีย ต้องเติมน้ำกลั่นก่อนการใช้งานอยู่เสมอ อาจจะไม่เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาที่จะดุแลมากขนาดนั้น
แบตเตอรี่กึ่งแห้ง ราคากลางๆ อาจจะต้องเติมน้ำกลั่นอยู่บ้างประมาณ 6 เดือนครั้ง รุ่นนี้จะมีรูให้เติมน้ำกลั่นแต่จะเป็นรูปทรงราบเรียบไปกับตัวแบตเลย แต่มีช่องให้ใส่เหรียญขันออมาได้ ส่วนมากจะสังเกตได้ง่ายๆ คือน้ำจะเริ่มหมดตอนที่แบตใกล้จะเสื่อม
- ข้อดี ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นบ่อยเหมือนกับแบตเตอรี่น้ำ
- ข้อเสีย ถึงจะไม่ต้องเติมบ่อย แต่ก็ต้องมีการเช็คอยน้ำกลั่นอยู่บ้าง อายุการใช้งานสั้นกว่าแบตเตอรี่น้ำ
แบตเตอรี่แห้ง ราคาแพงที่สุด ไม่มีรูเติมน้ำกลั่นให้เห็นเลย เพราะว่าไม่ต้องเติมน้ำกลั่นตลอดการใช้งาน เหมาะมากสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลรถ ใช้ได้แบบสะดวกสบายมากกว่า แบตเตอรี่รุ่นนี้จะเติมน้ำกรด และชาร์จไฟ มาให้ตั้งแต่ที่โรงงานแล้ว
- ข้อดี เหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลรถยนต์ ไม่ต้องตรวจเช็กบ่อยๆ แบตเตอรี่ไม่หมด แม้ไม่ได้ใช้รถเป็นเวลานาน
- ข้อเสีย ราคาแพง ตัวแบตเตอรี่มีรูระบายอากาศเล็ก เนื่องจากไม่ต้องเปิดเติมน้ำกลั่น ทำให้อุดตันได้ง่ายและส่งผลให้เกิดปัญหาแรงดันภายในแบตเตอรี่ได้
แบตเตอรี่ไฮบริด ราคาแพง แต่ใช้ได้นาน เป็นแบตเตอรี่แห่งการพัฒนา ต้นแบบก็คือแบตเตอรี่น้ำ ภายในตัวแบตเตอรี่นั้นจะประกอบด้วยโลหะผสมระหว่างตะกั่วกับแคลเซียมเฉพาะแผ่นธาตุลบ เพื่อลดอัตราการระเหยของน้ำกลั่นได้ดี แบตเตอรี่ไฮบริดส่วนมากใช้กับ รถบรรทุก รถโดยสาร หรือ รถรับจ้าง
- ข้อดี การระเหยของน้ำกลั่นดีกว่ารุ่นธรรมดา ใช้งานได้นาน
- ข้อเสีย มีราคาที่สูงมาก มักใช้กับรถขนาดใหญ่
ที่สำคัญก่อนเปลี่ยนการแบตเตอรี่ทุกครั้ง อย่าลืมตรวจสอบว่าแบตเตอรี่ใหม่นั้นมีขนาดที่ถูกต้องและสามารถวางได้พอดีกับฐานแบตเตอรี่รถของคุณหรือไม่? ขนาดหรือข้อมูลก็สามารถดูได้จากคู่มือประจำรถหรือสอบถามจากร้านที่จำหน่ายได้โดยตรง อีกอย่างที่ควรสอบถามให้แน่ชัดก็คือ แบตเตอรี่รถยนต์ที่คุณเลือกจะมีระยะเวลารับประกันตั้งแต่ 1 ปี ไปจนถึง 2 ปี แล้วแต่ยี่ห้อของแบตเตอรี่
สุดท้ายแล้วถึงจะเลือกแบตเตอรี่แบบไหนก็ตาม การดูแลรถยนต์ก็เป็นสิ่งที่ห้ามมองข้ามโดยเด็ดขาด เพราะเมื่อมีการใช้งานรถ ย่อมมีการสึกหรอบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ถึงแม้จะเลือกแบตเตอรี่แบบที่ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นบ่อยๆ ก่อนเดินทางก็ควรเช็คสุขภาพรถกันสักนิดนะ