ฝนตกหนักแบบนี้ รถ EV ขับลุยน้ำได้ไหม?
เมื่อบริษัทรถยนต์หลายบริษัทในไทย ผลิตและนำเข้า “รถ EV” หรือรถไฟฟ้ากันมากขึ้น ขณะที่อู่ซ่อม ทำให้หลายคนเริ่มหันมาสนใจรถประเภทนี้เพราะช่วยประหยัดนํ้าหมัน
ทั้งซื้อมาใช้กันเป็นรถคันที่ 2 เพื่อใช้ขับทางไกล และขับในช่วงรถติดโดยเฉพาะ และกำลังหาข้อมูล เพื่อใช้ตัดสินใจซื้อรถคันแรกในชีวิต
โดยหนึ่งในคำถามยอดฮิตของคนที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับรถ EV อยู่ คือ รถประเภทนี้ขับลุยน้ำแบบรถทั่วไปได้ไหม? เพราะอย่างที่รู้กันว่า พอเข้าสู่หน้าฝนทีไร หลายพื้นที่ในไทยก็มักจะมีปัญหาน้ำรอระบายกันอยู่บ่อยๆ
ถ้าลงทุนซื้อรถราคาหลายแสนไปจนถึงหลักล้านแล้ว แต่ไม่สามารถใช้ขับขี่ได้ในทุกสถานการณ์ นี่ก็คงไม่ใช่การลงทุนที่คุ้มค่า
ดังนั้น ก่อนจะตัดสินใจซื้อรถ EV เราอยากให้คุณได้อ่านบทความนี้
อ่านเพิ่มเติม: ไขข้อสงสัย รถยนต์ไฟฟ้า ชาร์จไฟตอนฝนตกได้ไหม?
การทำงานของรถ EV
รถ EV หรือรถไฟฟ้า 100% จะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยมีส่วนประกอบหลักอยู่ 3 อย่าง ได้แก่ แบตเตอรี่ อุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้า และมอเตอร์ไฟฟ้า
หลักการทำงานก็ไม่ยุ่งยาก คือ เมื่อมีการสตาร์ตรถ อุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้าจะดึงพลังงานจากแบตเตอรี่ ไปเปลี่ยนเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) และจะส่งต่อไฟฟ้ากระแสสลับนั้นไปยังมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อทำให้รถเคลื่อนที่ไปข้างหน้า หรือไปในทิศทางที่ต้องการ
รถ EV ขับลุยน้ำได้ไหม?
คนที่กำลังหาข้อมูลรถ EV คงจะรู้กันดีว่า “แบตเตอรี่” ที่เป็นหัวใจหลักของรถ EV จะถูกติดตั้งไว้บริเวณใต้ท้องรถ แต่สิ่งที่หลายคนอาจไม่เคยรู้คือ เทคโนโลยีของรถประเภทนี้มีความปลอดภัยสูงมาก
อ่านเพิ่มเติม: รถ EV ชาร์จไฟแบบ AC หรือ DC แบบไหนดีกว่ากัน
เพราะมีทั้งฉนวนไฟฟ้า ระบบตรวจจับไฟฟ้ารั่ว และบบสายกราวด์ (Ground Fault Protection) ที่ช่วยป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร ไฟช็อต และไฟไหม้ ได้เป็นอย่างดี ทำให้ส่วนประกอบต่างๆ ของรถ EV โดนน้ำและความชื้นได้แบบสบายๆ
อ่านเพิ่มเติม: เตรียมพร้อมช่วงหน้าฝน กับ 10 เทคนิคดูแลรถยนต์
ดังนั้นข้อสงสัยที่ว่า รถ EV ขับลุยน้ำได้ไหม? ก็ต้องตอบว่า “ได้” คนมีรถ EV สามารถขับรถลุยน้ำ และขับรถในสถานการณ์อื่นๆ ได้อย่างสบายใจ ไม่ต่างจากคนมีรถทั่วไป
รถ EV ขับลุยน้ำได้แค่ไหน?
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารถ EV จะขับลุยน้ำได้ไม่ต่างจากรถอื่นๆ แต่ถ้าอยากให้รถมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ก็ควรศึกษาเรื่องข้อจำกัดในการลุยน้ำของรถแต่ละรุ่นให้ดี และทำตามนั้น
โดยข้อมูลที่สามารถบอกถึงระดับความสูงของน้ำ ที่รถ EV ขับลุยไปได้ มี 2 อย่าง ดังนี้
1. มาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น หรือ Ingress Protection Rating (IP)
มาตรฐานนี้จะมีเลขอ้างอิงสองหลัก โดยหลักแรกจะบอกระดับการป้องกันของแข็ง (0-6) และหลักที่สองบอกระดับการป้องกันของเหลว (0-9K) ถ้าตัวเลขยิ่งมาก ก็หมายความว่ายิ่งป้องกันน้ำและฝุ่นได้มาก
อ่านเพิ่มเติม: 4 เหตุผลที่ทำให้ค่าเบี้ยประกันรถ EV แพงกว่ารถยนต์ทั่วไป
เช่น IP67 (มาตรฐานส่วนใหญ่ของรถ EV) คือ ป้องกันฝุ่นได้สมบูรณ์แบบ และป้องกันการแทรกซึมของน้ำจากการแช่ตัวอุปกรณ์ในน้ำที่ความลึกสูงสุด 1 เมตร เป็นเวลานาน 30 นาที เป็นต้น
Tips: ถ้าอยากให้รถลุยน้ำท่วมขังได้ดี ควรเลือกรถที่มีตัวเลขมาตรฐาน IP สูงทั้งสองหลัก เพราะในน้ำท่วมไม่ได้มีน้ำเป็นส่วนประกอบแค่อย่างเดียว แต่มีฝุ่นละออง และเศษขยะปะปนกันอยู่ด้วย
2. ความสูงของใต้ท้องรถ
เป็นเรื่องปกติที่เมื่อใต้ท้องรถสูง ก็จะลุยน้ำได้ดีมากขึ้น เพราะแบตเตอรี่ถูกติดตั้งไว้ตรงนั้น ดังนั้นถ้าบ้านของคุณ หรือบริเวณใกล้เคียง เป็นพื้นที่ราบลุ่ม อยู่ติดแม่น้ำ หรือน้ำท่วมขังบ่อย ระบายน้ำช้า
การเลือกใช้รถ EV ที่เป็นรถอเนกประสงค์ รถตู้ หรือรถกระบะ ก็จะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ และเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ได้มากกว่ารถเก๋ง
แต่ถึงแม้ข้อมูลหลายอย่างจะบอกว่ารถ EV คันนั้น สามารถขับลุยน้ำได้ดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าของรถจะใช้รถแบบสมบุกสมบัน จนละเลยการดูแลรถไปได้ เพราะนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้รถพัง
สอบถามเพิ่มเติม ทักแชทมาได้เลยนะคะ
โดยก่อนขับรถลุยน้ำ เจ้าของรถควรเช็คให้แน่ใจก่อนว่าช่องเก็บแบตเตอรี่ สายไฟ ช่องชาร์จไฟฟ้า และส่วนประกอบอื่นๆ ของรถ อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ปิดสนิท ไม่มีร่องรอยชำรุด หรือฉีกขาด เพื่อป้องกันน้ำและความชื้นซึมเข้าไปภายในตัวรถ
และหลังจากขับรถลุยน้ำแล้ว ควรรีบล้างทำความสะอาดรถ แล้วเช็ดให้แห้งในทุกจุด โดยเฉพาะบริเวณที่หากโดนน้ำเป็นเวลานานๆ จะเสี่ยงทำให้รถเกิดความเสียหายได้ เช่น ใต้ท้องรถ ช่องชาร์จไฟ เป็นต้น
ประกันรถ EV ตัวช่วยเสริมความมั่นใจ
นอกจากการดูแลรถ EV ทั้งก่อนและหลังลุยน้ำแล้ว อีกหนึ่งอย่างที่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้คนใช้รถ EV และเพิ่มความคุ้มครองให้ตัวรถพร้อมใช้งานในทุกสถานการณ์ได้ คือ “ประกันรถ EV” เพราะบางครั้งความระมัดระวังก็อาจป้องกันอุบัติเหตุไม่ได้
อ่านเพิ่มเติม: 5 วิธีแก้กลิ่นอับในรถยนต์ หลังขับลุยนํ้า
โดยประกันรถ EV ที่ SMILE INSURE แนะนำ คือ ประกันรถ EV ชั้น 1 เพราะให้ความคุ้มครองครอบคลุมมากที่สุด ทั้งคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ไฟฟ้า คุ้มครองรถยนต์สูญหาย/ไฟไหม้/ภัยธรรมชาติ (รวมน้ำท่วม)
สอบถามเพิ่มเติม ทักแชทมาได้เลยนะคะ
คุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลภายนอก รวมถึงเงื่อนไขพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย ตามข้อกำหนดของแต่ละบริษัทประกัน
เช่น คุ้มครองอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติม ค่าเดินทางและค่าที่พัก กรณีรถเสีย และต้องใช้เวลาซ่อมเกิน 24 ชั่วโมง บริการรถยกตลอด 24 ชั่วโมง เป็นต้น
เหตุผลที่ค่าเบี้ยประกันรถ EV แพงกว่ารถทั่วไป
อีกเรื่องน่ารู้ก่อนซื้อรถ EV คือ ความคุ้มครองของประกันรถ EV ชั้น 1 ในภาพรวม ไม่ค่อยต่างจากประกันรถทั่วไป แต่ค่าเบี้ยประกันนั้นแพงกว่าประกันรถทั่วไปถึง 20-30% ซึ่งเหตุผลที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่า
1. แบตเตอรี่ของรถ EV มีขนาดใหญ่มาก และราคาแพงถึงหลายแสนบาท ถ้าระหว่างขับรถลุยน้ำ เกิดอุบัติเหตุบางอย่างที่ทำให้น้ำซึมเข้าแบตเตอรี่ ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ยกชุด ไม่สามารถซ่อมแซมเฉพาะจุดได้
2. คนไทยยังใช้รถ EV น้อยมาก เมื่อเทียบกับรถสันดาปน้ำมัน ทำให้บริษัทประกันมีกรณีศึกษาที่ใช้ในการกำหนดค่าเบี้ยประกันรถ EV มากพอ เลยต้องใช้การเทียบเคียงสถิติระหว่างรถ EV กับรถยนต์ทั่วไป และอ้างอิงอัตราส่วนค่าสินไหมทดแทน (Loss Ratio) จากต่างประเทศแทน
อ่านเพิ่มเติม: ต้องรู้! ขั้นตอนการเคลมประกันรถยนต์หลังน้ำท่วม
3. ศูนย์บริการรถ EV และช่างซ่อมที่มีความชำนาญในด้านนี้มีน้อยมาก ทำให้ค่าใช้จ่ายเวลานำรถเข้าศูนย์บริการแต่ละครั้งค่อนข้างสูง
4. รถ EV หาอะไหล่ยาก ศูนย์บริการหลายแห่งไม่มีสต๊อกเก็บไว้ ต้องพึ่งพาการผลิตใหม่ของบริษัทรถยนต์ภายในประเทศ หรือนำเข้าจากต่างประเทศ
5. บริษัทที่รับทำประกันรถ EV ยังมีไม่เยอะ เพราะค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถ EV สูงกว่ารถทั่วไป ทำให้บริษัทประกันภัยบางแห่งที่ยังกังวลเรื่องความเสี่ยงหลายอย่าง จึงไม่มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นประกันรถ EV
ขั้นตอนการเคลมประกันรถนํ้าท่วม
ถึงแม้ค่าเบี้ยประกันรถ EV จะแตกต่างจากรถยนต์ทั่วไป แต่ถ้าจำเป็นต้องเรียกเคลมประกันหลังจากที่ขับรถลุยน้ำ ก็มีวิธีการที่ไม่แตกต่างกัน คือ
ถ่ายรูป ถ่ายคลิปวิดิโอ หรือจดบันทึกเหตุการณ์ความเสียหายอย่างละเอียด
โทรแจ้งบริษัทประกันรถ EV
ระหว่างรอเจ้าหน้าที่ประกัน ให้เตรียมเอกสารสำคัญให้พร้อม เช่น บัตรประชาชน ใบขับขี่หรือสำเนา เล่มทะเบียนรถยนต์หรือสำเนา สำเนากรมธรรม์ประกันภัย
รอเจ้าหน้าที่ประเมินความเสียหาย และดำเนินการเคลื่อนย้ายรถเข้าศูนย์บริการ
Tips: ส่วนใหญ่แล้ว เมื่อรถ EV เกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะสาเหตุมาจากการขับลุยน้ำ หรืออื่นๆ บริษัทประกันรถ EVมักจะมีบริการยก หรือลากจูงรถ ไปซ่อมในอู่ที่เป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทประกันให้เลย
โดยที่เจ้าของรถไม่ต้องนำรถไปซ่อมเอง แล้วมาเบิกภายหลัง เพื่อลดโอกาสเกิดความเสียหายจากอู่ที่ไม่มีความชำนาญด้านรถ EV
ไม่ว่าฝนจะตกน้อยหรือตกหนัก รถ EV ก็สามารถขับลุยน้ำได้ แต่ถ้าอยากขับลุยน้ำได้แบบมั่นใจมากขึ้น เจ้าของรถควรทำประกันรถ EV เพิ่มเติมไว้ เพื่อเป็นตัวช่วยแบ่งเบาภาระในยามเกิดเหตุการไม่คาดฝัน