ซื้อประกันลดหย่อนภาษี เป็นวิธีที่คนวัยทำงาน ซึ่งมีรายได้ถึงเกณฑ์เสียภาษี มักจะทำกันเป็นประจำ เพื่อจะได้ไม่ต้องจ่ายเงินทิ้งเปล่าให้น่าเสียดาย

แต่เชื่อว่ายังมีคนอีกไม่น้อย ที่อาจไม่เคยรู้มาก่อนว่า ประกันประเภทไหน จะช่วยลดหย่อนภาษีได้คุ้มค่ามากที่สุด? 

วันนี้เราจึงมีข้อมูลดีๆ และเป็นประโยชน์สำหรับคนอยากใช้สิทธิลดหย่อนภาษีมาฝากกัน รับรองว่าเมื่ออ่านจบ คุณจะสามารถตัดสินใจซื้อประกันได้ดีมากยิ่งขึ้น

ประกันที่ลดหย่อนภาษีได้มีอะไรบ้าง?

ปัจจุบันนี้ มีประกันภัยให้เลือกซื้อได้มากมายหลายประเภท แต่ไม่ใช่ทุกประเภทที่ใช้ลดหย่อนภาษีได้ คนอยากใช้สิทธิลดหย่อนจำเป็นต้องรู้ก่อนว่า ประกันประเภทไหนบ้างที่จะช่วยให้คุณลดหย่อนภาษีได้ 

ประกันที่ลดหย่อนภาษีได้ คือ ประกันชีวิตแบบทั่วไป ประกันชีวิตแบบบำนาญ และประกันสุขภาพ เพราะการเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ หรือการเสียชีวิตของคนๆ หนึ่ง สามารถส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ และสังคมได้ 

การซื้อประกันทั้ง 3 รูปแบบ ทำให้คนไทยเห็นความสำคัญของการใช้ชีวิต ไม่ใช้ชีวิตประมาท และใส่ใจสุขภาพ และไม่ใช้ชีวิตประมาท ภาครัฐจึงสนับสนุนให้นำค่าใช้จ่ายส่วนนั้นมาลดหย่อนภาษีได้

อ่านเพิ่มเติม: ปักหมุด 8 พิกัด เสริมดวงตลอดปี สุขภาพดี ไม่ป่วยง่าย

ส่วนประกันบ้าน ประกันรถยนต์ หรือประกันประเภทอื่นๆ ไม่สามารถใช้ลดหย่อนได้ทุกกรณี เพราะฉะนั้น ถ้าคุณไม่อยากพลาดสิทธิประโยชน์ในเรื่องการลดหย่อนภาษี ควรเลือกซื้อประกันที่เข้าเงื่อนไขลดหย่อนได้เท่านั้น

ประกันประเภทไหนลดหย่อนภาษีได้คุ้มค่าที่สุด?

แต่ถ้าถามว่าประกันแบบไหนที่จะช่วยลดหย่อนภาษีได้คุ้มค่าที่สุด คำตอบก็คือ “ประกันสุขภาพ” เพราะเมื่อเทียบกับประกันชีวิตแบบทั่วไป หรือประกันชีวิตแบบบำนาญแล้ว ประกันสุขภาพนั้น มีค่าเบี้ยที่ถูกกว่ามาก 

และสามารถปรับเปลี่ยนแผนประกันให้เข้ากับเงื่อนไขทางด้านสุขภาพได้ดี เพราะประกันสุขภาพเป็นประกันที่มีช่วงเวลาความคุ้มครองเพียง 1 ปี ทำให้ผู้ซื้อประกันไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าเบี้ยต่อเนื่องเป็นเวลานานกับแผนประกันที่ไม่ตรงใจ

นอกจากนี้ ประกันสุขภาพยังใช้ลดหย่อนภาษีได้มากกว่าประกันชีวิตแบบทั่วไป และไม่มีข้อกำหนดด้านระยะเวลาที่ยาวนานเหมือนประกันชีวิตแบบบำนาญ คือ ไม่มีการกำหนดช่วงอายุของการจ่ายผลประโยชน์ ไม่มีการกำหนดอายุกรมธรรม์ว่าต้องมีอายุกี่ปีถึงจะใช้สิทธิลดหย่อนได้ 

 
ประกันสุขภาพที่จะนำมาลดหย่อนภาษี ต้องมีเงื่อนไขที่เข้าเกณฑ์เหล่านี้

1. ประกันที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล การชดเชยทุพพลภาพ และการสูญเสียอวัยวะ เนื่องจากการเจ็บป่วยและบาดเจ็บ

2. ประกันอุบัติเหตุเฉพาะที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล การทุพพลภาพ การสูญเสียอวัยวะ และการแตกหักของกระดูก

3. ประกันภัยโรคที่ร้ายแรง (Critical Illnesses)

4. ประกันภัยการดูแลระยะยาว (Long Term Care)

อ่านเพิ่มเติม: มีสวัสดิการแล้ว ต้องทำประกันสุขภาพอีกไหม?

ประกันสุขภาพลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่บ้าง?

สำหรับใครที่เริ่มสนอยากซื้อประกันสุขภาพ เพื่อใช้ลดหย่อนภาษี SMILE INSURE ชวนมาดูกันว่า ประกันสุขภาพ ลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่บ้าง? 

ประกันสุขภาพตนเอง

    ถ้าใครที่ทำประกันสุขภาพให้ตนเอง จะสามารถนำมูลค่าเบี้ยประกันมาลดหย่อนภาษีได้มากถึง 100,000 บาท* ด้วยเงื่อนไขดังนี้

• ประกันสุขภาพใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามมูลค่าของเบี้ยประกันที่จ่ายไปตามจริง แต่ไม่เกิน 25,000 บาท/ปี 

• ถ้าทำประกันสุขภาพ ควบคู่กับประกันชีวิตที่มีกำหนดตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามมูลค่าของเบี้ยประกันที่จ่ายไปตามจริง แต่เมื่อคิดมูลค่ารวมแล้วจะต้องไม่เกิน 100,000 บาท (สำหรับเบี้ยประกันที่จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไปเท่านั้น)

อ่านเพิ่มเติม: 3 เหตุผลสำคัญ! ทำไมถึงควรทำประกันสุขภาพ?

ประกันสุขภาพพ่อแม่

เมื่อพูดถึงการทำประกันสุขภาพ เชื่อว่าหลายคนคงไม่ได้ทำให้ตนเองเพียงอย่างเดียว แต่ยังทำให้พ่อแม่ด้วย เพื่อเพิ่มความคุ้มครองทางด้านสุขภาพร่างกายให้กับพวกท่าน เพราะคนวัยนี้มีโอกาสเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยได้ง่าย และต้องพักฟื้นนาน ทำให้ค่ารักษาพยาบาลมักจะสูงกว่าคนหนุ่มสาว

สำหรับใครที่ทำประกันสุขภาพให้พ่อแม่ ควรรู้เลยว่า สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 15,000 บาท/คน/ปี ตามจำนวนที่จ่ายจริง คือ ใช้สิทธิลดหย่อนจากประกันสุขภาพของพ่อ ได้ไม่เกิน 15,000 บาท 

และใช้สิทธิลดหย่อนจากประกันสุขภาพของแม่ ได้ไม่เกิน 15,000 บาท ส่วนกรณีที่พ่อแม่มีลูกหลายคน ลูกทุกคนก็ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ แต่ต้องคำนวณแบบหารเฉลี่ย เช่น

• เบี้ยประกันสุขภาพของพ่อ 15,000 บาท และในครอบครัวมีลูก 3 คน เท่ากับพี่น้องแต่ละคนจะใช้สิทธิลดหย่อนได้แค่คนละ 5,000 บาทเท่านั้น ไม่ใช่คนละ 15,000 บาท

• เบี้ยประกันสุขภาพของแม่ 30,000 บาท และในครอบครัวมีลูก 3 คน เท่ากับพี่น้องแต่ละคนจะใช้สิทธิลดหย่อนรวมกันได้เพียง 15,000 บาทเท่านั้น โดยแต่ละคนจะใช้สิทธิได้ 5,000 บาท 

ทั้งนี้ พ่อแม่เจ้าของประกันสุขภาพ จะต้องมีเลขประจำตัวประชาชนตามกฎหมายไทย ต้องอาศัยอยู่ในประเทศไทย และต้องมีรายได้ในปีภาษีนั้นไม่เกิน 30,000 บาท ขณะที่ผู้เป็นลูก ที่จะใช้สิทธิลดหย่อนภาษี จะต้องเป็นลูกแท้ๆ ของพ่อแม่ ไม่ใช่ลูกบุญธรรม

ประกันสุขภาพคู่สมรส

เรื่องสุดท้ายที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ คือ ประกันสุขภาพที่ทำให้คู่สมรส (จดทะเบียนสมรมตามกฎหมาย) ก็นำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้เช่นเดียวกัน โดยลดหย่อนได้ไม่เกิน 15,000 บาท/ปี 

ตามจำนวนเงินที่จ่ายไปตามจริง ซึ่งคู่สมรสจะต้องเป็นผู้ไม่มีรายได้ในปีภาษีนั้นๆ เท่านั้น ถึงจะใช้สิทธิได้

แต่ไม่ว่าคุณจะต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากประกันสุขภาพตนเอง ประกันสุขภาพพ่อแม่ หรือประกันสุขภาพคู่สมรส สิ่งสำคัญที่ต้องมีคือ หลักฐานใบเสร็จรับเงิน หรือหนังสือรับรองจากบริษัทประกันภัย เพื่อยืนยันว่าคุณได้ทำประกันแล้ว ไม่ใช่ผู้แอบอ้างสิทธิ 

อ่านเพิ่มเติม: ประกันสุขภาพ ลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่?

ดังนั้น เมื่อทำประกันแล้ว ควรเก็บเอกสารสำคัญเหล่านี้ไว้ให้ดี จนกว่าจะพ้นปีภาษี เพื่อใช้เป็นหลักฐานในเวลาที่กรมสรรพากรเรียกตรวจสอบย้อนหลัง 

ถ้ามีประกันสังคมแล้ว ควรทำประกันสุขภาพเพิ่มไหม?

มาถึงคำถามยอดฮิตของมนุษย์เงินเดือน ที่มักจะมีข้อสงสัยว่า ถ้ามีประกันสังคมอยู่แล้วแล้ว ควรทำประกันสุขภาพเพิ่มอีกไหม? 

ประกันสุขภาพจะมีประโยชน์มากน้อยแค่ไหน? ถ้าทำเพิ่มแล้วจะดูเป็นการเสียเงินซ้ำซ้อนหรือเปล่า? 

เรื่องนี้ก็ต้องบอกว่า แม้ประกันสุขภาพจะไม่ใช่สิ่งที่กฎหมายกำหนดให้ต้องทำ แต่ทุกคนควรทำ เพื่อเพิ่มวงเงินในการลดหย่อนภาษีให้มากขึ้น เพราะถ้าคุณมีประกันสังคมเพียงอย่างเดียว 

จะสามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้ตามจริงไม่เกิน 9,000 บาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับสิทธิลดหย่อนที่จะได้รับจากประกันสุขภาพ

อ่านเพิ่มเติม: ซื้อประกันสุขภาพแบบไหน ถึงจะได้สิทธิลดหย่อนภาษี

นอกจากนี้ เหตุผลที่ควรทำประกันสุขภาพเพิ่มเติม ก็เพราะว่า ประกันสุขภาพไม่ได้มีประโยชน์แค่การลดหย่อนภาษีเท่านั้น 

แต่ยังช่วยเพิ่มความคุ้มครองให้กับสุขภาพร่างกาย และเพิ่มความอุ่นใจในการใช้ชีวิตให้ผู้ทำประกันได้อย่างคุ้มค่าอีกด้วย

เนื่องจากประกันสุขภาพ มีทุนประกันที่ให้ความคุ้มครองได้มากกว่าประกันสังคม และครอบคลุมค่าใช้จ่ายในกระบวนการรักษาพยาบาลได้มากกว่า เช่น ค่าห้อง ค่ายา ค่าอาหาร ค่ารถพยาบาล ค่าพยาบาลพิเศษ ค่าชดเชย เป็นต้น* 

อ่านเพิ่มเติม: เบอร์โทรแจ้งเคลม - วิธีเคลม "ประกันสุขภาพ และอุบัติเหตุ" ของบริษัทประกันภัยต่างๆ

รวมถึงมีโรงพยาบาลเอกชนที่เป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทประกัน ให้เลือกใช้บริการได้มากมาย จึงมั่นใจได้ว่า หากผู้ซื้อประกันเกิดอาการเจ็บป่วย หรือประสบอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเล็กน้อย หรือรุนแรงแค่ไหน ก็จะได้รับการรักษาที่ัทันท่วงที และไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย 

พูดได้ว่า “ประกันสุขภาพ” เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยเพิ่มประโยชน์ให้คนซื้อประกัน ทั้งในด้านสุขภาพร่างกาย และการลดหย่อนภาษีได้เป็นอย่างดี เพราะบางครั้งการคุ้มครองจากประกันสังคมอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอ 

ขอบคุณข้อมูลจาก

• กรมสรรพากร หมวดลดหย่อนภาษี
• กรมสรรพากร หมวดลดประกันสังคม