3 เหตุผลสำคัญ! ทำไมถึงควรทำประกันสุขภาพ?
3 เหตุผลสำคัญ! ทำไมถึงควรทำประกันสุขภาพ?
มีหลายครั้งที่เราเห็นข่าวคนอายุน้อยเกิดล้มหมอนนอนเสื่อต้องเข้าโรงพยาบาล และเสียค่าใช้จ่ายแบบไม่สิ้นสุด ทำให้ต้องเปิดระดมทุนหาค่ารักษาพยาบาลกันครั้งใหญ่ หรือเสียชีวิตลงในเวลาสั้นๆ
แม้จะดูแลตัวเองอย่างดีแล้วก็ตาม เพราะความชะล่าใจที่คิดว่ายังไม่ถึงวัยชรา ร่างกายยังแข็งแรง ไม่ต้องใส่ใจกับสุขภาพมากนักก็ได้
ซึ่งสิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า “สุขภาพ” เป็นเรื่องที่คนเราสามารถดูแลรักษาได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่อาจควบคุมให้ดีตลอดไปได้ โดยเฉพาะในยุค New Normal ที่สภาพแวดล้อมหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป ทั้งสภาพอากาศ โรคระบาด โภชนาการ และเศรษฐกิจ
แต่ปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายและการรักษาล่าช้าจะไม่เกิดขึ้นในทุกครั้งที่มีอาการเจ็บป่วย หากทุกคนรู้จักตัวช่วยดีๆ อย่าง “ประกันสุขภาพ”
ประกันสุขภาพดียังไง?
ประกันสุขภาพ คือ ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลจากการบาดเจ็บที่เกิดจากอุบัติเหตุ หรือการเจ็บป่วยจากโรคภัยต่างๆ
โดยบริษัทประกันจะเข้ามารับภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการรักษาพยาบาลแทนผู้มีประกันภัย ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
ซึ่งประกันสุขภาพสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. กรมธรรม์ประกันภัยสุขภาพส่วนบุคคล คุ้มครองเฉพาะบุคคลคนเดียว และ
2. กรมธรรม์ประกันภัยสุขภาพกลุ่ม สำหรับกลุ่มบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป
3 เหตุผลดีๆ ที่ควรทำประกันสุขภาพ
1. ประกันสุขภาพช่วย Save ค่าใช้จ่ายสูงสุด 5 แสนบาท!
อย่างที่บอกไปแล้วว่าประกันสุขภาพเป็นประกันภัยที่ช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายจากการบาดเจ็บและอาการเจ็บป่วยต่างๆ ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ หรือโรคภัยไข้เจ็บ ที่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาล และต้องเสียค่าใช้จ่ายมหาศาล
โดยเฉพาะกับในสถานพยาบาลเอกชนที่เครื่องมือและบุคลากรทางการแพทย์ครบครัน เข้ารักษาได้ทันทีไม่ต้องรอคิวนานเหมือนฝั่งรัฐบาล ประกันสุขภาพจะเข้ามาซัพพอร์ตตรงนี้ ช่วยให้ผู้มีประกันสามารถทำการรักษาได้อย่างสบายใจมากขึ้น เพราะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับค่ารักษาที่อาจมากเกินกำลังของตัวเอง
2. ประกันสุขภาพลดหย่อนภาษีได้
เคยมีคำพูดที่ว่า ประกันสุขภาพคือเงินทิ้งเปล่า ถ้าไม่เจ็บป่วยก็เท่ากับขาดทุน แต่ความจริงแล้ว ประกันสุขภาพ
รวมถึงประกันโควิด-19 ที่หลายคนทำไว้ มีประโยชน์ด้านการเงินมากกว่าที่คิด เพราะสามารถนำไปลดหย่อนภาษีประจำปีได้สูงสุดถึง 25,000 บาทต่อปี เพียงแค่
- ทำประกันสุขภาพกับบริษัทประกันในประเทศไทย
- เมื่อรวมเบี้ยประกันสุขภาพเข้ากับเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป และเงินฝากแบบมีประกันชีวิต จะต้องมียอดรวมไม่เกิน 100,000 บาท
นอกจากนี้ ประกันสุขภาพที่ซื้อให้พ่อแม่ หรือคู่สมรส ก็สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15,000 บาทต่อปี ได้ตามเงื่อนไข ดังนี้
- พ่อแม่ต้องมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 30,000 บาท
- ผู้ใช้สิทธิ์ลดหย่อนต้องเป็นลูกแท้ ๆ ตามกฎหมายเท่านั้น ลูกบุญธรรมใช้สิทธิ์ไม่ได้
- ผู้ใช้สิทธิ์ลดหย่อน หรือพ่อแม่ คนใดคนหนึ่งต้องอยู่ในประเทศไทยครบ 180 วันต่อปีนั้น ๆ ที่จะใช้สิทธิ์ฯ
- เมื่อแบ่งจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพพ่อแม่ กับพี่น้องตัวเอง จะสามารถลดหย่อนได้สูงสุดตามจำนวนยอดเงินหารเฉลี่ยด้วยจำนวนพี่น้องที่ร่วมจ่าย (เช่น จ่ายยอดรวม 30,000 ร่วมกับพี่น้องทั้งหมด 3 คน จะลดหย่อนต่อคนได้สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท)
- ประกันสุขภาพของคู่สมรสจะนำมาลดหย่อยภาษีได้ก็ต่อเมื่อคู่สมรสไม่มีรายได้
- ไม่ว่าจะใช้สิทธิ์ลดหย่อนจากประกันสุขภาพของพ่อแม่หรือคู่สมรส ผู้ใช้สิทธิ์จะต้องกรอกแบบฟอร์มแจ้งความประสงค์ตามที่แต่ละบริษัทกำหนดก่อน เพื่อยินยอมให้บริษัทเปิดเผยข้อมูลต่อสรรพากร
3. ประกันสุขภาพช่วยให้พร้อมรับมือ
ตอนนี้ประกันสุขภาพหลายแพ็คเกจได้รวมการตรวจสุขภาพประจำปีแบบฟรีๆ เข้าไปด้วย ถือเป็นโอกาสดีของผู้มีประกันที่จะสามารถตรวจเช็กสุขภาพได้อย่างละเอียด ครบถ้วน รวมถึงเตรียมการรักษาได้ทันเวลา เมื่อเกิดความผิดปกติขึ้นกับร่างกาย หรือมีโรคร้าย ๆ มาเยือนก่อนวัยอันควร
ทั้ง 3 ข้อนี้คือเหตุผลสำคัญว่าทำไมคนเราควรทำประกันสุขภาพเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ อย่างไรก็ตาม ควรตรวจสอบรายละเอียดและเงื่อนไขแต่ละกรมธรรม์ให้ละเอียดอีกครั้งก่อนตัดสินใจทำประกันสุขภาพ
ใครบ้าง? …ที่ควรทำประกันสุขภาพ
เมื่อรู้ประโยชน์ของประกันสุขภาพแล้ว หลายคนคงคิดอยากทำขึ้นมาแล้วใช่ไหมล่ะ แต่เชื่อว่ายังคงสงสัยอยู่อีกนิดว่าใครบ้างที่ควรทำประกันประเภทนี้ คำตอบคือ “ทุกคน” เพราะไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่หรือเป็นเพศอะไร ก็มีความเสี่ยงด้านสุขภาพไม่แพ้กัน
ปัจจุบันแผนประกันสุขภาพมีให้เลือกมากมาย ทั้งประกันสุขภาพเด็ก ประกันสุขภาพสำหรับบุคคลทั่วไป และประกันสุขภาพผู้สูงอายุ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงด้านค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสุขภาพให้กับทุกคน ดังนั้นอย่าลังเลที่จะทำประกันฯ ให้กับทั้งตัวเองและครอบครัวตั้งแต่วันนี้
ประกันสุขภาพลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่
1. ประกันสุขภาพตนเอง
ผู้ที่ซื้อประกันสุขภาพให้ตนเอง สามารถนำมูลค่าเบี้ยประกันมาลดหย่อนภาษีได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 25,000 บาท/ปี แต่ถ้าซื้อประกันสุขภาพควบคู่กับประกันชีวิตที่มีกำหนดตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
เมื่อคิดมูลค่ารวมแล้ว จะต้องไม่เกิน 100,000 บาท (ข้อกำหนดสำหรับเบี้ยประกันที่จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป)
2. ประกันสุขภาพพ่อแม่
สำหรับใครที่ต้องแบ่งรายได้ส่วนหนึ่งไปซื้อประกันสุขภาพให้กับพ่อแม่ จะสามารถนำค่าใช้จ่ายนั้นมาลดหย่อนภาษีได้ก็ต่อเมื่อ พ่อแม่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/ปี เท่านั้น
โดยลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกินคนละ 15,000 บาท หรืออธิบายง่ายๆ ได้ว่า ประกันของพ่อลดหย่อนได้ไม่เกิน 15,000 บาท และประกันของแม่ลดหย่อนได้ไม่เกิน 15,000 บาท
ส่วนกรณีที่พ่อแม่มีลูกหลายคน ลูกทุกคนจะสามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้ แต่ต้องคำนวณแบบหารเฉลี่ย เช่น เบี้ยประกันสุขภาพของแม่ 15,000 บาท และในครอบครัวมีลูก 5 คน นั่นหมายความว่า พี่น้องแต่ละคนจะลดหย่อนภาษีได้คนละ 3,000 บาท เป็นต้น
3. ประกันสุขภาพคู่สมรส
นอกจากนั้น ยังใช้สิทธิลดหย่อนของประกันที่ทำให้คู่สมรสได้อีกด้วย แต่จะต้องเป็นคู่สมรสตามกฎหมาย (จดทะเบียนสมรสกัน) เท่านั้น และคู่สมรสจะต้องไม่มีรายได้ โดยลดหย่อนได้ตามจริง แต่ต้องไม่เกิน 15,000 บาท/ปี
ทั้งนี้ กรณีจดทะเบียนสมรสระหว่างปีภาษี คู่สมรสตายระหว่างปี หรือคู่สมรสหย่าระหว่างปี จะยังคงหักลดหย่อนได้ตามปกติ
ประกันสุขภาพที่ไหนดี?
ประกันสุขภาพที่ดีที่สุด ก็คงไม่พ้นประกันสุขภาพที่ตอบโจทย์ผู้ทำประกันมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเบี้ยประกัน เงื่อนไขกรมธรรม์ หรือชื่อเสียงของบริษัทประกันภัย
แต่ที่สำคัญควรดูข้อมูลดังกล่าวควบคู่ไปกับข้อมูลจากลูกค้าเดิม เช่น รีวิวจากผู้ใช้จริง การติดต่อตัวแทนที่ทำได้ง่าย เคลมง่าย ไม่ยุ่งยาก และเงื่อนไขเป็นไปตามที่แจ้งในเอกสารกรมธรรม์จริง เป็นต้น เพื่อเลือกสิ่งที่ดีและเป็นประโยชน์สูงสุด
ถ้ารู้แล้วว่าประกันสุขภาพดีอย่างไร และช่วยลดหย่อนภาษีได้มากแค่ไหน ก็อย่าปล่อยให้โอกาสดีๆ มาวางแผนลดหย่อนภาษีกันได้ตั้งแต่ตอนนี้เลย สนใจทําประกันสุขภาพ คลิก SMILE INSURE