5 เหตุผลที่คนมีบ้านควรทำประกัน!
5 เหตุผลที่คนมีบ้านควรทำประกัน
กว่าที่คนเราจะมีบ้านเป็นของตัวเองสักหลัง ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการซื้อบ้านต้องใช้เงินก้อนใหญ่ และต้องเป็นหนี้ระยะยาวไม่น้อยกว่า 20 ปี
ดังนั้นถ้าเกิดเหตุกาณ์ไม่คาดฝันขึ้นกับบ้าน เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม หรือฟ้าผ่าลงหลังคา ระหว่างที่ยังผ่อนไม่เสร็จ นั่นหมายถึงภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้นด้วย ซึ่งรวมๆ แล้วอาจมากเกินกว่ารายได้ จนต้องหยิบยืม และเป็นหนี้สินแบบไม่มีที่สิ้นสุด
แต่เหตุการณ์ร้ายแรงเหล่านั้นจะไม่เกิดขึ้น ถ้าคนมีบ้าน ทำประกันบ้านเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะประกันจะเป็นผู้ช่วยคุ้มครองความเสียหายให้บ้านและทรัพย์สินภายในบ้าน
ประเภทของประกันบ้านและขอบเขตความคุ้มครอง
ประกันที่เกี่ยวข้องกับบ้านพักอาศัย แบ่งได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. ประกันอัคคีภัย
- ประกันอัคคีภัย คือ ประกันบ้านที่คุ้มครองความเสียหายของบ้านที่เกิดจากอัคคีภัย ได้แก่
- ไฟไหม้ แต่ไม่รวมถึงความเสียหายจากแรงระเบิด อันเป็นผลมาจากไฟไหม้ ไฟไหม้โดยตรงหรือโดยอ้อมจากแผ่นดินไหว ไฟไหม้ต่อทรัพย์สินที่มีการบูดเน่า หรือการระอุตามธรรมชาติ และไฟไหม้ระหว่างที่ทรัพย์สินนั้นอยู่ในระหว่างกรรมวิธีที่ใช้ความร้อน หรือการทำให้แห้ง
- ฟ้าผ่า
- แรงระเบิดของแก๊ส ที่ใช้สำหรับทำแสงสว่างเพื่อการอยู่อาศัยเท่านั้น แต่ไม่รวมถึงความเสียหายจากการระเบิดของแก๊สจากแผ่นดินไหว
2. ประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย
ประกันอัคคีภัยประเภทนี้ พัฒนามาจากประกันอัคคีภัยทั่วๆ ไป เพื่อขยายความคุ้มครองให้ครอบคลุมความเสี่ยงที่อาจเกิดกับบ้านให้มากขึ้น ได้แก่
- ไฟไหม้ รวมถึงไฟไหม้ป่า พุ่มไม้ พงรก และการเผาป่าเพื่อปราบพื้นที่
- ฟ้าผ่า รวมถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อเครื่องไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เกิดจากการลัดวงจรเนื่องจากฟ้าผ่า
- การระเบิดทุกชนิด
- ภัยจากการชนโดยยานพาหนะต่างๆ รวมถึงช้าง ม้า วัว ควาย แต่ไม่ใช่ยานพาหนะของผู้เอาประกันภัย
- ภัยจากอากาศยานหรือวัตถุที่ตกจากอากาศยาน
- ภัยเนื่องจากน้ำที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ น้ำจากการปล่อย รั่วไหล ล้น ของท่อน้ำหรือถังน้ำ รวมถึงน้ำฝนที่ไหลเข้าทางอากาศที่ชำรุด แต่ไม่รวมถึงน้ำท่วม และท่อประปาที่แตกนอกอาคาร
อ่านเพิ่มเติม: จะทำประกันภัยบ้าน ต้องรู้อะไรบ้าง?
โดยประกันบ้านทั้ง 2 ประเภทสามารถซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมได้ เช่น ภัยลมพายุ ภัยจากลูกเห็บ ภัยจากควัน ภัยแผ่นดินไหว ภัยน้ำท่วม ภัยจลาจลและนัดหยุดงาน ภัยต่อเครื่องไฟฟ้า เป็นต้น (กรณีความคุ้มครองอาจแตกต่างกันไปตามเงื่อนไขของแต่ละกรมธรรม์)
แต่ถ้าหากต้องการความคุ้มครองหลากหลายกรณีในครั้งเดียว การซื้อประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย จะคุ้มค่ากว่าการทำประกันอัคคีภัยที่ซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติม
ประโยชน์ของการทำประกันบ้าน
ประโยชน์หลักๆ ของประกันบ้าน คือ ความคุ้มครองบ้านและทรัพย์สิน ที่หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ซึ่งทำให้บ้านเสียหาย และตรงตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ก็จะมีสินไหมทดแทนมาช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้เจ้าของบ้าน รวมถึงช่วยลดปัญหาการเกิดหนี้สินในอนาคต
อ่านเพิ่มเติม: รวมเรื่องน่ารู้ก่อนตัดสินใจทำ “ประกันอัคคีภัย”
5 เหตุผลที่คนมีบ้านควรทำประกัน
นอกจากเหตุผลดีๆ ที่กล่าวไปแล้ว ยังมีอีก 5 เหตุผลที่สนับสนุนให้คนมีบ้านควรทำประกันบ้านไว้ คือ
1. จ่ายน้อยแต่คุ้มครองคุ้ม
เบี้ยประกันบ้านนั้นเริ่มต้นแค่หลักพันบาทต่อปี แต่ยอดเงินสินไหมทดแทนนั้นสามารถคุ้มครองความเสียหายได้เกินกว่าเบี้ยประกันมากกว่าสิบเท่าขึ้นไป
2. มีผู้ช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน ยามเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้นกับบ้าน นอกจากทรัพย์สินจะเสียหายแล้ว เจ้าของบ้านยังมีโอกาสเสียเงินเพื่อซ่อมแซมบ้าน หรือจัดหาทรัพย์สินชิ้นใหม่มาทดแทนอย่างมหาศาล
แต่ถ้ามีประกันบ้าน ก็จะช่วยลดภาระตรงนี้ลงไปได้ เพราะค่าสินไหมทดแทนจะคุ้มครองได้มากพอสมควร ซึ่งในบางกรมธรรม์อาจคุ้มครองจนเจ้าของบ้านไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มเติมอีกเลย ทำให้เกิดสภาพคล่องทางการเงิน และอาจมีเงินเหลือเป็นเงินทุนสำรองในการดำเนินงานอื่นๆ ต่อไปได้อีกด้วย
3. เพิ่มความอุ่นใจเมื่อต้องไกลบ้าน
บางครั้งชีวิตก็ไม่แน่นอน เจ้าของบ้านอาจต้องไปทำงานไกลถึงต่างประเทศ หรือมีโอกาสได้ใช้วันลาพักร้อนที่สะสมมาแบบเต็มที่ ทำให้ไม่ได้อยู่บ้าน เพื่อคอยสอดส่องความเรียบร้อยเหมือนปกติ ประกันบ้านจะเข้ามาช่วยเติมเต็มช่วงเวลาเหล่านี้
และช่วยให้เจ้าของบ้านอุ่นใจขึ้นเมื่อไม่อยู่บ้าน เพราะประกันพร้อมให้ความช่วยเหลือตลอดเวลา ไม่มีวันหยุด จนกว่าจะครบกำหนดที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
4. ทำประกันบ้านต่อเนื่อง ยิ่งจ่ายค่าเบี้ยถูกลง
ข้อนี้เป็นคำแนะนำจาก คปภ. เพราะการทำประกันบ้านแบบต่อเนื่อง 2 – 3 ปี จะได้รับส่วนลดค่าเบี้ยลงเรื่อยๆ จึงคุ้มกว่าที่จะทำประกันแค่ปีต่อปี โดยหากทำประกันภัยระยะยาว 2 ปี บริษัทประกันจะคิดเบี้ยประกันภัยเท่ากับ 175% ของเบี้ยประกันภัย 1 ปี
และหากทำประกันภัยระยะยาว 3 ปี บริษัทจะคิดเบี้ยประกันภัยเพียง 250% ของเบี้ยประกันภัย 1 ปี เท่านั้น
5. เป็นตัวช่วยที่ทำให้ขอสินเชื่อบ้านได้ง่ายขึ้น
เมื่อมีเหตุฉุกเฉินให้ต้องนำบ้านไปเป็นหลักฐานค้ำประกันการขอสินเชื่อ ธนาคารมักจะขอเรียกดูประกันบ้านด้วย ซึ่งถ้าเจ้าของบ้านมีประกัน ก็จะได้คะแนนในการพิจารณาสินเชื่อสูงขึ้น
เห็นไหมว่า การทำประกันบ้านนั้นมีประโยชน์มากมาย ถ้าวันนี้คุณเป็นเจ้าของบ้านคนหนึ่งที่ยังไม่ได้ทำประกัน ก็อย่าช้าที่จะมองหาประกันบ้านที่ตรงกับ
ความต้องการ เพราะเหตุกาณ์ไม่คาดฝันอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา การเตรียมตัวไว้ก่อน จะช่วยให้อุ่นใจกว่า