3 เหตุผลสำคัญที่ทุกองค์กร ควรมีประกันกลุ่ม
ปัจจุบันค่ารักษาพยาบาลแพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกันกลุ่มจึงเป็นสวัสดิการอันดับต้นๆ ที่พนักงานทุกคนกำลังต้องการ และสำหรับองค์กร การเสนอประกันกลุ่มให้กับพนักงานสามารถสร้างความรู้สึกมั่นคง ความพึงพอใจในที่ทำงาน
ประกันกลุ่มถือเป็นสวัสดิการที่ช่วยดึงดูดและรักษาพนักงานอย่างมีคุณภาพ ประกันกลุ่มยังช่วยให้พนักงานสามารถเข้าถึงการประกันได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องผ่านการตรวจสุขภาพ ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของพนักงาน
3 เหตุผลสำคัญที่ทุกองค์กรมีประกันกลุ่ม
ประกันกลุ่ม ต้นทุนต่ำแต่พนักงานได้รับผลประโยชน์สูง
- ต้นทุนที่ต่ำ ประกันกลุ่มมักมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการซื้อประกันรายบุคคล เนื่องจากบริษัทประกันภัยมักจะเสนอราคาพิเศษสำหรับกลุ่มใหญ่ การใช้ประกันกลุ่มช่วยลดค่าใช้จ่ายโดยรวมให้กับองค์กร
- ผลประโยชน์ที่สูง แม้ว่าต้นทุนจะต่ำ แต่บริษัทประกันภัยมักจะยังคงให้ผลประโยชน์ที่ครอบคลุมสำหรับพนักงาน เช่น การคุ้มครองสุขภาพ, การคุ้มครองชีวิต, และความคุ้มครองจากอุบัติเหตุ ซึ่งช่วยให้พนักงานรู้สึกปลอดภัยและได้รับการดูแลอย่างดี
ประกันกลุ่มทําให้พนักงานหมดกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วย
- การคุ้มครองสุขภาพ ประกันกลุ่มมักจะครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลทั้งในกรณีผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) ทำให้พนักงานไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาล
- การคุ้มครองชีวิต รวมถึงการคุ้มครองจากอุบัติเหตุและการเสียชีวิตจากทุกกรณี ซึ่งช่วยให้พนักงานและครอบครัวได้รับความมั่นคงทางการเงิน
- ผลประโยชน์เพิ่มเติม บางครั้งยังมีสิทธิประโยชน์อื่นๆ เช่น การตรวจสุขภาพฟรี, บริการให้คำปรึกษา, หรือการคุ้มครองในกรณีทุพพลภาพ
บริษัท / องค์กร สามารถใช้ประกันกลุ่มลดหย่อนภาษีได้
- ค่าใช้จ่ายที่หักลดหย่อนภาษีได้ เบี้ยประกันกลุ่มที่บริษัทจ่ายให้กับพนักงานถือเป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ ซึ่งสามารถหักลดหย่อนจากรายได้รวมของบริษัทได้ ทำให้บริษัทลดจำนวนภาษีที่ต้องชำระ
- เพิ่มความคุ้มครองพนักงาน การมีประกันกลุ่มที่ครอบคลุมหลายด้าน เช่น ประกันสุขภาพ, ประกันชีวิต, และประกันอุบัติเหตุ ไม่เพียงแต่ช่วยลดค่าใช้จ่ายทางภาษี แต่ยังช่วยเสริมสร้างความพึงพอใจและรักษาพนักงาน
เจ็บป่วยแบบไหนใช้ประกันกลุ่มได้บ้าง?
การใช้ประกันกลุ่มเพื่อการรักษาพยาบาลสามารถครอบคลุมหลายประเภทของการเจ็บป่วยและอุบัติเหตุ โดยสามารถใช้ประกันกลุ่มรักษาได้เลย ไม่ต้องสำรองจ่าย ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของประกันและเงื่อนไขในกรมธรรม์
1. โรคทั่วไป (Common Illnesses)
- โรคไข้หวัด: เช่น ไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดธรรมดา
- โรคระบบทางเดินหายใจ: เช่น หลอดลมอักเสบ หรือปอดบวม
- โรคระบบทางเดินอาหาร: เช่น อาหารเป็นพิษ หรือโรคกระเพาะอาหาร
2. การเจ็บป่วยเรื้อรัง (Chronic Illnesses)
- โรคเบาหวาน: การควบคุมและรักษาระดับน้ำตาลในเลือด
- โรคความดันโลหิตสูง: การรักษาและการควบคุมความดันโลหิต
- โรคหัวใจ: การรักษาหัวใจและหลอดเลือด
3. การรักษาโรคร้ายแรง (Critical Illnesses)
- มะเร็ง: การรักษามะเร็งในระยะต่างๆ เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด
- โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke): การรักษาและฟื้นฟูจากโรคหลอดเลือดสมอง
- โรคหัวใจเฉียบพลัน (Heart Attack): การรักษาหลังจากเกิดหัวใจวาย
4. การรักษาอุบัติเหตุ (Accidents)
- บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ: การรักษาบาดแผลหรือการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ
- การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางรถยนต์: การรักษาและการชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
5. การรักษาโรคติดเชื้อ (Infectious Diseases)
- โรคติดต่อทั่วไป: เช่น ไข้หวัดใหญ่ โรคติดเชื้อไวรัส
- โรคติดต่อร้ายแรง: เช่น การรักษาโรค COVID-19 หรือโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
6. การรักษาพยาบาลเบื้องต้น (Basic Medical Care)
- การตรวจสุขภาพประจำปี: รวมถึงการตรวจสุขภาพทั่วไป
- การตรวจคัดกรอง: เช่น การตรวจคัดกรองมะเร็ง หรือการตรวจสุขภาพพื้นฐาน
7. การรักษาพยาบาลพิเศษ (Specialized Medical Care)
- การรักษาที่โรงพยาบาลหรือคลินิกเฉพาะทาง: เช่น การรักษาโรคเฉพาะทางที่โรงพยาบาลหรือคลินิกที่มีความเชี่ยวชาญ
- การรักษาทางการแพทย์เฉพาะ: เช่น การทำกายภาพบำบัดหรือการรักษาที่ต้องใช้เทคโนโลยีพิเศษ
8. การรักษาฉุกเฉิน (Emergency Care)
- การรักษาฉุกเฉินในกรณีอุบัติเหตุ: เช่น การรักษาพยาบาลทันทีในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ฉุกเฉิน
ประกันกลุ่มสําหรับองค์กรใช้คู่กับประกันสังคมได้ไหม?
ประกันกลุ่มและประกันสังคมสามารถใช้คู่กันได้ โดยทั้งสองประเภทมีวัตถุประสงค์และขอบเขตความคุ้มครองที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. ความแตกต่างระหว่างประกันกลุ่มองค์กรและประกันสังคม
ความคุ้มครองของประกันสังคม
ให้ความคุ้มครองในด้านต่างๆ เช่น การรักษาพยาบาล, การว่างงาน, การทุพพลภาพ, และการเกษียณอายุ
การสมัครประกันสังคม
เป็นระบบประกันที่บังคับใช้ตามกฎหมาย โดยที่พนักงานในภาคเอกชนต้องสมัครเข้าร่วมโดยอัตโนมัติ และนายจ้างมีหน้าที่จ่ายเงินสมทบ
ความคุ้มครองของประกันกลุ่ม
ประกันกลุ่มมักจะให้ความคุ้มครองครอบคลุมความเสี่ยงและความต้องการเพิ่มเติมที่ไม่ได้รับการคุ้มครองโดยประกันสังคม
เช่น ประกันสุขภาพที่ครอบคลุมการรักษาพยาบาลที่ไม่ครอบคลุมในประกันสังคม, ประกันชีวิต, หรือประกันอุบัติเหตุ
การสมัครประกันกลุ่ม
โดยปกติแล้วจะมีการจัดทำโดยองค์กรหรือสมาคมสำหรับสมาชิกกลุ่มเดียวกัน และต้องชำระค่าเบี้ยประกันตามแผนที่กำหนด
2. การใช้ประกันกลุ่มองค์กรร่วมกับประกันสังคม
ความคุ้มครอง
ประกันกลุ่มสามารถให้ความคุ้มครองเพิ่มเติมในด้านที่ประกันสังคมไม่ครอบคลุม เช่น การรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชน หรือการคุ้มครองที่กว้างขวางมากขึ้นในกรณีของอุบัติเหตุหรือโรคร้ายแรง
การชดเชย
เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ได้รับความคุ้มครองจากทั้งประกันกลุ่มและประกันสังคม เช่น ค่ารักษาพยาบาล ผู้เอาประกันสามารถได้รับการชดเชยจากทั้งสองแหล่ง ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้
การสมัครและการชำระเงิน
ประกันกลุ่มและประกันสังคมจะมีการสมัครและการชำระเงินแยกกัน ดังนั้นการมีประกันกลุ่มไม่ได้ลดทอนความสำคัญของการสมัครประกันสังคม
3. ข้อดีของการใช้ประกันกลุ่มคู่กับประกันสุขภาพ
ความคุ้มครองที่ครอบคลุม
การมีทั้งประกันกลุ่มและประกันสังคมช่วยให้ได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากขึ้น และช่วยให้มีความมั่นใจในกรณีที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงทางการแพทย์หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
การลดภาระค่าใช้จ่าย
หากประกันกลุ่มมีความคุ้มครองที่เสริมในด้านที่ประกันสังคมไม่ได้ครอบคลุม จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากการรักษาพยาบาลหรือการใช้บริการต่าง ๆ
4. ข้อควรระวัง
ตรวจสอบเงื่อนไข
ควรตรวจสอบรายละเอียดของกรมธรรม์ประกันกลุ่มเพื่อเข้าใจข้อกำหนดและเงื่อนไขที่อาจมีการซ้อนทับหรือข้อยกเว้นเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนในการเคลม การใช้ประกันกลุ่มร่วมกับประกันสังคมเป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มความคุ้มครองและลดภาระค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน
เพราะประกันกลุ่มสําหรับองค์กรสําคัญกว่าที่คิด
ประกันกลุ่มมีความสำคัญมากกว่าที่คิด เพราะช่วยให้การคุ้มครองที่ครอบคลุมในด้านสุขภาพ, ชีวิต, และอุบัติเหตุ ด้วยเบี้ยประกันที่ต่ำและเงื่อนไขดี การมีประกันกลุ่มจึงเป็นส่วนหนึ่งของสวัสดิการสำคัญที่พนักงานต้องการมีไว้ใช้ยามเจ็บป่วยฉุกเฉิน
ปรึกษาเรื่องประกันกลุ่มเพื่อให้พนักงานของคุณอุ่นใจ Add Line @smileinsure หรือ ทัก Messenger คลิกเลย