แม้ว่าอุบัติเหตุรถชนกันหลายคันจะเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เมื่อเทียบกับอุบัติเหตุรูปแบบอื่นๆ บนท้องถนน แต่ถ้าหากเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นมาสักครั้ง ก็อาจทำให้ผู้ประสบเหตุเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ 

หรือต้องรับผิดชอบความเสียหายมากกว่าที่คิด ไม่ว่าจะเป็นค่าซ่อมรถ ค่ารักษาพยาบาล กรณีผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ 

ที่อยู่นอกเหนือวงเงินความคุ้มครองของประกันรถยนต์ หรือแม้แต่การทำให้จราจรโดยรอบติดขัดสะสม จนส่งผลกระทบให้กับคนอีกมากมาย 

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหลายคนคงจะสงสัยกันอยู่ไม่น้อยว่า ถ้าวันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุรถชนหลายคันขึ้นกับตัวเอง จะต้องทำอย่างไร? รถคันไหนต้องรับผิดชอบ? 

คนที่มีประกันรถยนต์อยู่แล้ว สามารถเคลมประกันรถยนต์ได้ไหม? หรือถ้าไม่มีประกัน จะต้องทำอย่างไร?  

อ่านเพิ่มเติม: ขับรถทางไกล ประกันรถยนต์แบบไหนที่ควรมี?

ดังนั้น เพื่อช่วยคลายความสงสัยดังกล่าว และเตรียมความพร้อมให้คนใช้รถ SMILE INSURE ได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจ มาฝากทุกคนในบทความนี้

ขับรถชนท้ายเป็นคดีอะไร? ใครเป็นฝ่ายผิด? 

ก่อนอื่น คนใช้รถทุกคนควรรู้ก่อนว่า การขับรถชนกันหลายคัน และการขับรถชนท้ายเป็นคดีแบบไหน? เพื่อจะได้ให้ตัวเองมีความเข้าใจอย่างชัดเจน ถึงขอบเขตของความรับผิดชอบ ทั้งในเรื่องคดีความ และเงื่อนไขความคุ้มครองของประกันรถยนต์

บางคนอาจคิดว่า เวลาที่รถชนกันหลายคัน คันที่อยู่ท้ายสุด จะเป็นฝ่ายผิดเสมอ และเมื่อเจรจาเรื่องความรับผิดชอบไม่ลงตัว จะต้องกลายเป็นคดีแพ่งเท่านั้น แต่ความจริงแล้วไม่ใช่แบบนั้น 

อ่านเพิ่มเติม: ประกันชั้น 2+ คุ้มครองอะไรบ้าง?

เพราะองค์ประกอบของคดีความ จะขึ้นอยู่กับลักษณะของอุบัติเหตุ และการแสดงความรับผิดชอบของฝ่ายผิด โดยแบ่งเป็นกรณีต่างๆ ได้ดังนี้ 

1. ถ้ารถชนกันหลายคัน แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต และเจ้าของรถทุกคันสามารถตกลงกันได้ โดยไม่มีการฟ้องร้อง ก็จะจบที่การเคลมประกันรถยนต์ ไม่กลายเป็นคดีความ

2. ถ้ารถชนกันหลายคัน แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต แต่ฝ่ายผิดไม่ยอมรับผิด หรือไม่ได้ชดเชยค่าเสียหายให้คู่กรณีอย่างสมเหตุสมผล จนเกิดเป็นการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ลักษณะแบบนี้จะเรียกว่าคดีแพ่ง เพราะคดีความสามารถยุติได้ หากมีการชดเชยค่าใช้จ่ายตามที่ผู้เสียหายเรียกร้อง

3. ถ้ารถชนกันหลายคัน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต แต่ฝ่ายผิดไม่ยอมรับผิด หรือไม่ได้ชดเชยค่าเสียหายให้คู่กรณีอย่างสมเหตุสมผล จะทำให้เกิดได้ทั้งคดีแพ่ง และคดีอาญา โดยในส่วนของการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากฝ่ายผิด จะเรียกว่าเป็นคดีแพ่ง แต่ในส่วนของการทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต จะด้วยความตั้งใจ หรือไม่ได้ตั้งใจก็ตาม ฝ่ายผิดจะถูกดำเนินคดีทางอาญา และจะต้องได้รับโทษตามกฎหมาย 
   
   

ถ้าถามว่า จะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นฝ่ายผิด? คันสุดท้ายเป็นฝ่ายผิดเสมอจริงไหม? เราสามารถสรุปได้ว่า “ผู้ที่มีพฤติกรรมการขับรถที่ประมาท และขัดต่อหลักกฎหมาย เป็นฝ่ายผิดเสมอ” 

ไม่ว่าคุณจะเป็นรถคันแรก คันที่สอง สาม สี่ หรือคันสุดท้ายในอุบัติรถชน 3 คันรวด รถชน 5 คันรวด หรือรถชน 14 คันรวด แบบที่เคยเป็นข่าวดังเมื่อไม่นานมานี้ แต่ถ้าคุณทำผิดกฎหมายจราจร จนไปชนรถคันอื่น 

อ่านเพิ่มเติม: รถชนต่างจังหวัด เคลมประกันที่ไหนได้บ้าง?

หรือทำให้รถยนต์คันอื่นถูกชน ก็จะถือว่าเป็นฝ่ายผิด และจะอ้างว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้ เพราะต้องไม่ลืมว่า ก่อนที่จะได้รับใบอนุญาตขับขี่มาครอบครอง ทุกคนได้ผ่านการอบรมในเรื่องนี้มาแล้ว

ตัวอย่างพฤติกรรมการขับรถประมาท และขัดต่อหลักกฎหมาย

1. เว้นระยะห่างจากรถคันข้างหน้าไม่มากพอ ผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 40 ที่ระบุว่า ผู้ขับขี่ต้องขับรถให้ห่างรถคันหน้าพอสมควรในระยะที่จะหยุดรถได้โดยปลอดภัยในเมื่อจำเป็นต้องหยุดรถ

2. เล่นโทรศัพท์มือถือขณะขับรถ ผิดกฎหมายพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 43 (9) ที่ระบุว่า ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถในขณะใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ เว้นแต่ใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อแบบไร้สาย โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือใช้อุปกรณ์เสริมพิเศษสำหรับยึดหรือติดโทรศัพท์เคลื่อนที่ไว้กับส่วนหน้าของตัวรถ โดยต้องไม่บดบังทัศนวิสัย หรือเสียความสามารถในการขับรถ 

3. เปลี่ยนเลนกะทันหัน โดยไม่เปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ผิดกฎหมายพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 38 (2) ที่ระบุว่า เมื่อจะเลี้ยวรถ เปลี่ยนช่องเดินรถ หรือแซงขึ้นหน้ารถคันอื่น ผู้ขับขี่ต้องให้สัญญาณไฟเลี้ยวที่ติดอยู่ท้ายรถ ไปในทิศทางที่จะเลี้ยว เปลี่ยนช่องเดินรถ หรือแซงขึ้นหน้ารถคันอื่น ให้ผู้ขับขี่รถคันอื่นเห็นได้ในระยะไม่น้อยกว่า 60 เมตร
   
   

นอกจากนี้ คำว่า “ประมาทร่วมไม่มีอยู่จริง” เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชนกันหลายคัน หลายคนมักจะพูดว่า นี่คือการประมาทร่วม ทุกคนล้วนเป็นฝ่ายผิดทั้งหมด ให้ร่วมกันรับผิดชอบ จะได้จบเรื่องได้อย่างรวดเร็ว 

แต่ความจริง ประมาทร่วม ไม่มีอยู่จริงในทางกฎหมาย มีแต่ฝ่ายถูก และฝ่ายผิด ซึ่งถ้ารถยนต์ฝ่ายผิดมีมากกว่า 1 คัน จะใช้คำว่าต่างฝ่ายต่างประมาทไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน และจะดำเนินคดีแยกกันตามความผิดของแต่ละบุคคล 

เมื่อรถชนหลายคัน ประกันรถยนต์ของฝ่ายผิดต้องรับผิดชอบทั้งหมดใช่ไหม? 

เมื่อพิสูจน์ได้แล้วว่า รถคันไหนเป็นฝ่ายผิดบ้าง? แน่นอนว่าฝ่ายผิด จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินให้กับฝ่ายที่ถูก 

โดยฝ่ายผิดที่ทำประกันรถยนต์เอาไว้ สามารถให้บริษัทประกันรับผิดชอบได้เลย แต่บริษัทจะรับผิดชอบไม่เกินวงเงินที่ระบุไว้ในเอกสารกรมธรรม์เท่านั้น 

อ่านเพิ่มเติม: รถชนต่างจังหวัด เคลมประกันที่ไหนได้บ้าง?

หากค่าความเสียหายเกินวงเงิน ฝ่ายผิดจะต้องรับผิดชอบส่วนต่างนั้นเอง ส่วนฝ่ายผิดที่ไม่ได้ทำประกันรถยนต์เอาไว้ ก็ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายทั้ง 100% ด้วยตัวเอง

อ่านเพิ่มเติม: จะเกิดอะไรขึ้น? ถ้าต่อประกันรถไม่ทันวันหมดอายุ!

ทั้งนี้ บริษัทประกันรถยนต์สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ ถ้าผู้ขับขี่ไม่มีใบขับขี่ และนำรถยนต์ไปใช้เพื่อการกระทำที่ผิดกฎหมาย เช่น ขนส่งสารเสพติดหรืออาวุธสงคราม ใช้หลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจ แข่งรถบททางหลวง ฯลฯ 

ใช้รถนอกราชอาณาจักรที่ทำประกัน ใช้รถผิดประเภท ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ให้ไว้ตอนจดทะเบียน 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าฝ่ายผิดจะแสดงความรับผิดชอบด้วยการโทรเรียกตัวแทนจากบริษัทประกันรถยนต์มาเจรจาค่าเสียหาย ณ ที่เกิดแล้ว แต่ฝ่ายถูกที่มีประกันรถของตัวเองอยู่ ก็ควรเรียกตัวแทนจากบริษัทประกันของตัวเองมาในที่เกิดเหตุด้วยเช่นกัน 

เพื่อป้องกันการถูกเอาเปรียบในอนาคต เพราะเราไม่อาจรู้ได้ล่วงหน้าเลยว่า บริษัทประกันของฝ่ายผิดจะมีความซื่อตรงมากน้อยแค่ไหน? หรือใช้เหตุผลอะไรมาทำให้ฝ่ายถูกได้รับการชดเชยที่ไม่เหมาะสมหรือเปล่า? 

ดังนั้น การเรียกผู้เชี่ยวชาญอย่างตัวแทนจากบริษัทประกัน มาเจรจากันเอง จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด 

สนใจทําประกันรถยนต์ กรอกข้อมูลได้ที่นี่

สาระน่ารู้

ฝ่ายผิดที่ทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ชั้น 2+ หรือ 3+ เอาไว้ จะสามารถเคลมประกันรถยนต์ในส่วนของค่าซ่อมรถของตัวเองได้ 

เพราะประกันทั้งสามประเภท มีเงื่อนไขความคุ้มครองที่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวรถยนต์คันที่เอาประกัน (Own Damage: OD) รวมอยู่ด้วย

สรุปเมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชนกันหลายคัน เจ้าของรถคันที่เป็นฝ่ายผิด จะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายให้ฝ่ายที่ถูกทั้งหมด โดยฝ่ายผิดไม่จำเป็นต้องเป็นคันที่อยู่สุดท้ายเสมอไปก็ได้ 

นอกจากนี้ ถ้าฝ่ายผิดทำประกันรถยนต์เอาไว้ สามารถให้ประกันรถของตัวเองรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดได้เลย 

และถ้าประกันนั้นเป็นประกันชั้น 1, 2+ หรือ 3+ จะสามารถเคลมค่าเสียหายในส่วนของการซ่อมรถตัวเองได้อีกด้วย แต่ถ้าฝ่ายผิดไม่ได้ทำประกันรถยนต์เอาไว้ จะต้องรับผิดชอบทุกอย่างด้วยตัวเอง 

รถชนหลายคัน เป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิด เพราะสร้างความเสียหายได้อย่างมหาศาล 

แต่จากข้อมูลทั้งหมดที่ SMILE INSURE นำมาฝากกันในครั้งนี้ จะเห็นได้ว่า ปัญหาทุกอย่างสามารถคลี่คลาย จนคุณเบาใจได้ถ้ามีตัวช่วยดีๆ อย่าง “ประกันรถยนต์”