ปวดประจําเดือนแบบไหน? ที่อันตรายต้องรีบพบแพทย์!
เมื่อเข้าสู่ช่วงประจำเดือนใกล้มาทีไร สาวๆ หลายคนคงกังวลใจไม่น้อยเพราะเป็นช่วงที่มีภาวะ PMS ทั้งภาวะอารมณ์ที่แปรปรวน และที่สำคัญคือมีอาการปวดท้องประจําเดือนมีหลายระดับ ซึ่งจะปวดในระดับไหน มากหรือน้อยคงแล้วแต่คนไป
แล้วแบบนี้อาการปวดแบบท้องแบบไหนที่ไม่ควรชะล่าใจ และเป็นการปวดท้องที่แสดงถึงภาวะเริ่มอันตรายควรรีบไปพบแพทย์ มาดูข้อมูลเหล่านี้ไปพร้อมกัน
PMS คืออะไร?
PMS (Premenstrual Syndrome) คือ อาการผิดปกติที่จะเกิดขึ้นก่อนมีประจำเดือนราว 1 – 2 สัปดาห์ โดยสาเหตุของอาการนั้นมีปัจจัยสำคัญมาจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเพศหญิงในช่วงก่อนมีประจำเดือน
ซึ่งอาการ PMS นี้ เป็นตัวการที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของผู้หญิงหลายคนเป็นอย่างมาก เพราะส่งผลทั้งด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิตใจ
PMS มีอาการอย่างไร? อาการก่อนเป็นประจำเดือน
ก่อนวันนั้นของการมีประจำเดือนมักมีอาการแสดงให้รู้ตัว โดยสามารถแบ่งได้เป็นอาการทางด้านอารมณ์และพฤติกรรม และอาการทางด้านร่างกาย ดังนี้
อาการทางด้านอารมณ์และพฤติกรรม ได้แก่
- มีอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดหรือโกรธง่าย
- มีความตึงเครียดและไม่มีสมาธิ
- มีอารมณ์เศร้า ร้องไห้กับเรื่องเล็ก ๆ วิตกกังวล
- มีความต้องการหรืออยากอาหารมากกว่าปกติ
- มีพฤติกรรมแยกตัวออกจากสังคม (Social Withdrawal)
- มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ เช่น นอนไม่หลับ (Insomnia)
อ่านเพิ่มเติม: "อาหารเป็นพิษ" ท้องเสียแบบไหนที่ควรพบแพทย์?
อาการทางด้านร่างกาย ได้แก่
- เจ็บเต้านม
- ปวดกล้ามเนื้อและข้อต่อ
- ปวดศีรษะ
- ปวดท้อง ท้องอืด
- ท้องผูกหรือท้องเสีย
- น้ำหนักตัวเพิ่ม
- เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย
- มีสิวขึ้น
การปวดประจำเดือนมีกี่แบบ?
1.ปวดประจำเดือนปฐมภูมิ (Primary dysmenorrhea) คือ การปวดประจำเดือนที่ไม่มีโรคหรือพยาธิสภาพใดๆ เป็นการเกิดจากสาร Prostaglandin ที่หลั่งออกมาจากเยื่อบุโพรงมดลูกระหว่างการมีประจำเดือน
อ่านเพิ่มเติม: ตรวจสุขภาพประจําปี ต้องตรวจโรคอะไรบ้าง?
ส่งผลให้กล้ามเนื้อมดลูกบีบตัว มีเลือดและออกซิเจนมาเลี้ยงมดลูกน้อยลง โดยทั่วไปจะมีอาการดังนี้
- เริ่มปวดหลังมีประจำเดือนใหม่ๆ ของการมีประจำเดือน 6 เดือนแรกในชีวิต
- มีอาการปวดใน 48-72 ชั่วโมงของการมีประจำเดือนครั้งนั้นๆ
- ปวดบีบหรือปวดคล้ายอาการเจ็บครรภ์คลอด
- เริ่มปวดจากอุ้งเชิงกราน อาจมีร้าวไปหลังหรือต้นขา
- อาจมีอาการคลื่นไส้ ถ่ายเหลว อ่อนเพลีย เหนื่อยล้าร่วมด้วย
- เมื่อตรวจภายในแล้วไม่พบความผิดปกติ
2.ปวดประจำเดือนทุติยภูมิ (Secondary dysmenorrhea) คือ อาการปวดประจำเดือนที่มีพยาธิสภาพ หรือโรคใดๆ ทำให้ปวด เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เนื้องอกมดลูก
เกิดจากการใส่ห่วงอนามัย หรือมีพังผืดในช่องท้อง โดยอาการปวดจะรุนแรงและมักจะเรื้อรัง ดังนี้
- อาการปวดเริ่มในช่วงอายุ 20-30 ปี โดยไม่มีอาการปวดประจำเดือนมาก่อนหรือเคยปวดน้อยๆ ไม่เคยปวดมากมาก่อน
- ปวดรุนแรงขึ้น มีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ในบางรายอาจปวดมากจนต้องฉีดยาแก้ปวด
- ประจำเดือนมามาก หรือมาผิดปกติร่วมด้วย
- มีความผิดปกติในอุ้งเชิงกราน หรือตรวจร่างกายพบความผิดปกติ
- ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs หรือ ยาเม็ดคุมกำเนิด
- มีภาวะมีบุตรยาก
- ปวดขณะมีเพศสัมพันธ์
- มีตกขาวผิดปกติ
ปวดประจำเดือนมากจะเป็นช็อกโกแลตซีสต์หรือไม่
ช็อกโกแลตซีสต์ คือภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ส่วนใหญ่จะมีขนาด 2-5 ซม. แต่พบว่าใหญ่ได้ถึง 20 ซม. ที่เรียกว่าช็อกโกแลตซีสต์ก็เพราะมีการไหลย้อนกลับของประจำเดือนไปสะสมกลายเป็นถุงน้ำ
อ่านเพิ่มเติม: ดูแลสุขภาพอย่างไรให้ปลอดภัย? เมื่อต้องเจอฝุ่น PM 2.5
โดยเลือดข้างในจะมีสีแดงคล้ำคล้ายกับช็อกโกแลต การปวดประจำเดือนมากและเรื้อรังอาจเป็นช็อกโกแลตซีสต์หรือไม่ก็ได้ หากกังวลหรือสงสัยควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย เพราะหากเป็นช็อกโกแลตซีสต์แล้วปล่อยทิ้งไว้จนแตกจะมีอันตรายเป็นอย่างมาก
อาการปวดท้องประจำเดือนปกติ
จะปวดประจำเดือนไม่มากแค่พอรำคาญ แต่ไม่ปวดจนรู้สึกว่าทรมานหรือทนไม่ไหว อาการจะเริ่มเป็นวันที่ 1-2 ของการมีประจำเดือน ไม่ถึงกับต้องรับประทานยาแก้ปวดอาการจะหายไปเอง ภายใน 1-2 วัน ในกรณีมีเพศสัมพันธ์แล้ว จะไม่มีอาการเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์
อาการปวดประจำเดือนที่ผิดปกติ และควรไปพบแพทย์
1. มีอาการปวดประจำเดือนมาก โดยช่วงที่ปวดประจำเดือนแรกๆอาจพอทนไหว แต่ต่อมาอาจเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นทุกเดือน และมักจะรู้สึกปวดรุนแรงในช่วง 1-2 วันแรกของการมีประจำเดือน
2. ปวดท้องประจำเดือนอย่างรุนแรงจนต้องทานยาแก้ปวด มากกว่าวันล่ะ 1 ครั้ง หรือเคยต้องฉีดยาแก้ปวดมากกว่า 1 ครั้ง
3. ขณะมีประจำเดือนมีอาการปวดท้องอยากถ่ายอุจจาระ ปวดมวนื้องหรือไปถ่ายอุจจาระแต่ไม่มีอุจจาระอออกมา
4. ปวดและกดเจ็บตรงบริเวณท้องน้อยข้างใดข้างหนึ่ง และมักมีอาการปวดร้าวลงมาที่ช่องคลอดข้างเดียวกัน หรือปวดร้าวไปที่ขา
5. ปวดประจำเดือนมากร่วมกับการมีเลือดออกกระปริบกระปรอย หรือประจำเดือนมามากกว่าปกติ ในบางราย อาจมามากกว่า 1 ครั้งใน 1 เดือน
6. มีอาการปวดท้องขณะมีเพศสัมพันธ์
ปวดประจำเดือนที่ผิดปกติ เป็นโรคอะไรได้บ้าง?
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
- เนื้องอกมดลูก
- ซ๊อกโกแลตซีสต์
- เลือดออกในอุ้งเชิงกราน
- ผังผืดในอุ้งเชิงกราน
- เนื้องอกของรังไข่
- ติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
- ปีกมดลูกอักเสบ
- นิ่วในท่อไต
- ใส้ติ่งอักเสบ
- มะเร็งลำใส้ใหญ่
สําหรับใครที่รู้ว่าตนเองมีอาการปวดท้องบ่อยๆ ตามข้อดังกล่าวก็ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด แต่สิ่งสําคัญที่ไม่ควรมองข้ามและมีไว้ดีที่สุดเลยคือการทําประกันสุขภาพไว้แต่เนิ่นๆ เพราะเป็นตัวช่วยสําคัญที่จะช่วยให้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย