เมื่อค่าฝุ่น PM 2.5 กลับมาพุ่งสูงอีกครั้ง! เป็นเรื่องยากที่เราจะหลีกเลี่ยงเพราะสำหรับผู้คนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ต้องใช้ชีวิตประจำวันในการเดินทางไปทำงานหรือทำธุระต่างๆ 

ทำให้ต้องเผชิญกับฝุ่นทุกวัน เนื่องจากภาวะฝุ่น PM 2.5 ที่มีค่าปริมาณสูงและเป็นอันตรายมาก 

สำหรับผู้คนที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงเมื่อเจอฝุ่นบ่อยๆ ก็ยังมีโอกาสเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยหรือเกิดโรคได้ แล้วแบบนี้ยิ่งถ้าเป็น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วย อาการก็จะยิ่งแย่และป่วยหนักจากพิษของฝุ่นเข้าไปใหญ่ 

วันนี้ SMILE INSUER ขอแนะนำวิธีดูแลสุขภาพอย่างไรให้ปลอดภัยเมื่อต้องเจอฝุ่น PM 2.5 เพื่อให้ทุกคนได้รับผลกระทบจากพิษฝุ่นที่จะส่งผลมายังสุขภาพของเราให้น้อยที่สุด

ฝุ่น PM 2.5 คืออะไร? มาจากไหนบ้าง?

ฝุ่น PM 2.5 คือละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน หรือมีขนาดประมาณ 1 ใน 25 ของเส้นผ่านศูนย์กลางของเส้นผมมนุษย์ ฝุ่นขนาดเล็กจิ๋วนี้ เกิดขึ้นจากกิจกรรมหลายชนิด อาทิเช่น การเผาไหม้ของเครื่องยนต์ และการก่อสร้าง ซึ่งเป็น 2 สาเหตุหลักของมลพิษทางอากาศในเมืองใหญ่

ฝุ่น PM 2.5 ต่างจากฝุ่นทั่วไปอย่างไร

PM 2.5  นอกจากเป็นละอองขนาดเล็ก ยังสารปนเปื้อนต่างๆ ที่มองไม่เห็นอีกมากมาย ซึ่งโดยปกติแล้วจมูกของเราจะมีขนจมูกที่ช่วยกรองฝุ่นละอองต่างๆ ก่อนเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ทำให้ร่างกายไม่ได้รับผลกระทบมากนัก 

อ่านเพิ่มเติม: 6 โรคติดต่อควรระวัง! เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว

แต่ปัจจุบันในประเทศไทยได้เกิดปัญหามลภาวะทางอากาศที่รุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง PM 2.5 ซึ่งจมูกไม่สามารถกรองฝุ่นนี้ไม่ให้เข้าสู่ร่างกายได้ ทำให้ต้องหาวิธีหลีกเลี่ยงและป้องกัน เพราะอาจส่งเป็นอันตรายและผลเสียต่อสุขภาพร่างกายอย่างมากในภายหลัง

ความรุนแรงของฝุ่น PM 2.5

องค์การอนามัยโลก หรือ World Health Organization (WHO) กำหนดให้ฝุ่น PM2.5 จัดอยู่ในกลุ่มที่ 1 อันดับต้นๆ ของสารก่อมะเร็ง ประกอบกับรายงานของธนาคารโลก (World Bank) 

อ่านเพิ่มเติม: 5 โรคร้าย! ที่พบมากในผู้สูงวัย หากไม่ดูแลตัวเองให้ดี

ที่ระบุว่า ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากมลพิษทางอากาศมากถึง 50,000 ราย ส่งผลไปถึงระบบเศรษฐกิจ รวมไปถึงค่าใช้จ่ายที่รัฐต้องสูญเสียเกี่ยวเนื่องกับค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยจากมลพิษทางอากาศนี้

อาการผิดปกติที่เกิดขึ้นจากฝุ่น PM 2.5

หากได้รับฝุ่น PM 2.5 เข้าสู่ร่างกายจากหลอดลมและเดินทางไปยังหลอดเลือด และกระจายไปส่วนต่างๆ ทั่วร่างกาย หากร่างกายได้รับฝุ่นนี้เป็นเวลานานจนเกิดการสะสม จะทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ 

อ่านเพิ่มเติม: เลือกให้ถูก ซื้อประกันสุขภาพตอนไหน? คุ้มที่สุด!

โดยผู้ที่ได้รับฝุ่น PM 2.5 มักมีอาการไอเรื้อรัง ระคายเคืองตา คัดจมูก แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก ผิวหนังเป็นตุ่มหรือผื่นนูนแดง เป็นต้น และกลุ่มเสี่ยงที่ควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษได้แก่ เด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคปอดเรื้อรัง ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ 

หากพบอาการผิดปกติของร่างกาย ให้รีบพบแพทย์ หากพบว่าตนเองมีอาการผิดปกติของร่างกาย เช่น ไอ เหนื่อย แน่นหน้าอก ควรปรึกษาแพทย์ทันที

ดูแลสุขภาพเมื่อต้องเผชิญกับฝุ่น PM 2.5

1.ใส่หน้ากากกันฝุ่น

ก่อนออกจากบ้านควรใส่หน้ากากกรองฝุ่นที่มีคุณภาพ ซึ่งหน้ากากกันฝุ่นมีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ ดังนั้นก่อน เพื่อกรองอากาศและป้องกันฝุ่นละอองเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ

ควรเลือกใส่หน้ากากประเกทที่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 0.3 ไมครอนได้ เช่น หน้ากาก N95 ที่ได้มาตรฐาน

2.ดื่มน้ำให้มากขึ้น

ในช่วงที่ค่าหากเจอฝุ่น PM 2.5 พุ่งสูงแนะนำให้ดื่มน้ำให้มากขึ้น เพราะละอองในปริมาณมากที่สูดดมเข้าไปแบบไม่ตั้งใจจะทำให้รู้สึกเจ็บคอ และระคายคอ การดื่มน้ำจะช่วยให้ร่างกายสดชื่นขึ้น 

อีกทั้งยังช่วยให้ลำคอของเราชุ่มชื้นและช่วยลดอาการแสบคอลงได้ ที่สำคัญการดื่มน้ำยังช่วยชะล้างสิ่งสกปรกที่อาจจะสะสมและเป็นอันตรายต่อร่างกาย ดังนั้น ในภาวะฝุ่นละอองเยอะแบบนี้ควรดื่มน้ำให้มากขึ้นเป็นดีที่สุด

อ่านเพิ่มเติม: ประกันสุขภาพ ลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่?

2. ปิดประตูหน้าต่างในบ้านให้สนิท

เพื่อเป็นการป้องกันฝุ่นละอองเข้ามาในบ้าน ถึงแม้ว่าอาจจะกันได้ไม่มาก และควรติดเครื่องฟอกอากาศภายในบ้าน หรือสำหรับบ้านที่มีเครื่องปรับอากาศ ให้เปิดเครื่องปรับอากาศโดยใช้ระบบหมุนเวียนอากาศภายในบ้านแทนการดึงอากาศมาจากภายนอก เพื่อให้มีอาการหายใจที่บริสุทธิ์

3.หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้ง

ในบริเวณที่คมลพิษอากาศสูงหรือหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายกลางแจ้งนอกตัวอาคาร เช่น งดวิ่งในสวนสาธารณะชั่วคราว ให้เปลี่ยนมาออกกำลังกายภายในตัวอาคารแทน 

เพราะถ้าออกกลางแจ้งอาจจะทำให้ร่างกายเจ็บป่วยได้ มีโอกาสที่จะสูดเอาฝุ่นละอองเข้าสู่ร่างกายได้มากกว่าปกติ ดังนั้น หากต้องการออกกำลังกายในช่วงนี้ แนะนำออกกำลังกายในบ้านแทนเป็นดีที่สุด เช่น โยคะ พิลาทิศหรือแอโรบิก

4.ลดการใช้รถยนต์

เพราการใช้รถยนต์ 1 คันจะทำให้เกิดก๊าซพิษและฝุ่นละอองเพิ่มขึ้นเนื่องจากสาเหตุของฝุ่นละอองขนาดเล็ก ร้อยละ 50-60% มาจากการขับขี่ยานพาหนะบนท้องถนน ปัจจัย เช่น การเสียดสีของยางกับพื้นถนนทำให้เกิดฝุ่นละออง อีกทั้งรถยนต์ยังปล่อยควันจากท่อไอเสีย

อ่านเพิ่มเติม: มีสวัสดิการแล้ว ต้องทำประกันสุขภาพอีกไหม?

 ดังนั้น ควรหันมาใช้จักรยานหรือการเดินแทนในระยะใกล้ๆ แต่สำหรับคนทำงานที่ต้องเดินทางไกล อาจจะใช้ระบบขนส่งสาธารณะ อย่างการขึ้นรถไฟฟ้า BTS หรือ MRT แทนไปก่อนในช่วงที่ค่าฝุ่นพุ่งสูง นอกจากจะประหยัดน้ำมันแล้ว ยังช่วยลดฝุ่นและก๊าซพิษเพิ่มขึ้นด้วย

5.งดสูบบุหรี่

การสูบบุหรี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เพราะจะยิ่งทำให้อากาศที่ใช้หายใจลดลง ส่งผลให้ร่างกายเจ็บป่วยได้ ซึ่งคนป่วย เด็กและคนชราที่อยู่ใกล้ๆ จะได้รับผลกระทบจากควันบุหรี่เข้าไปด้วยไม่ต่างจากผู้สูบ 

เพราะกลุ่มเสียงที่ได้รับผลกระทบจากพิษของฝุ่น PM 2.5 และต้องระวังเป็นพิเศษมากกว่าใคร ได้แก่ ผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจ กลุ่มผู้สูงอายุและเด็ก

เพราะฝุ่น PM2.5 ในชีวิตประจำที่เราต้องพบเจอมีค่าเกินมาตรฐาน และเป็นมลพิษทางอากาศที่อันตรายหากสูดดมละอองฝุ่นเข้าไปอย่างต่อเนื่องหรือในปริมาณที่มากโดยไม่ได้มีวิธรป้องกันและไม่สวมใส่หน้ากากป้องกันเบื้องต้น จะส่งผลกระทบสะสมต่อสุขภาพต่อสุขภาพร่างกายโดยตรง

การเผชิญกับสภาวะของอากาศที่เต็มไปด้วยมลพิษต่างๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากการดูแลตัวเองมากขึ้นการทำประกันสุขภาพก็มีความจำเป็นไม่แพ้กัน เพราะเป็นสิ่งสําคัญที่จะเป็นตัวช่วยในการคุ้มครองยามเจ็บป่วย คุ้มครองทั้ง IPD และ OPD 

ช่วยคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเมื่อต้องนอนโรงพยาบาล และยังมีเงินชดเชยให้ยามเจ็บป่วย ถ้าคุณกำลังมองหาประกันสุขภาพที่ดีและคุ้ม เราขอแนะนำที่ SMILE  INSUER เลย

ขอบคุณข้อมูลจาก

• Princhealth
• Daikin
• Chulalongkornhospital
• Sanook.com