ประกันบ้านสำคัญไฉน?
ประกันบ้านสำคัญไฉน?
ถ้าพูดถึงประกันภัย หลายคนคงนึกถึงประกันรถ ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ หรือประกันการเดินทาง แต่รู้หรือไม่ว่ามีอีกหนึ่งประกันภัยที่สำคัญมากและคนมักจะหลงลืมกันไป นั่นก็คือ “ประกันบ้าน” เพราะบ้านเป็นศูนย์รวมของคนที่เรารัก
และยังเป็นทรัพย์สินราคาแพงที่ต้องผ่อนระยะยาว หากยังผ่อนไม่หมด แล้วเกิดเหตุการณ์ไม่ดีกับคนในบ้านและบ้านขึ้นมาก่อน คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ การทำประกันบ้านเอาไว้จะช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้อยู่อาศัยได้มากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นประกันระยะสั้น ต้องต่ออายุทุก 1 – 5 ปี (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละกรมธรรม์)
ประกันบ้านสำคัญอย่างไร?
ว่าด้วยคำจำกัดความของประกันภัย ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวไว้ว่า “ประกันภัยเป็นทางเลือกหนึ่งที่สามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเมื่อเกิดความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินต่างๆ ที่ได้ทำประกันภัยไว้ ด้วยการเฉลี่ยหรือการกระจายความเสียหายไปยังสมาชิกที่ทำประกันภัย
อ่านเพิ่มเติม: จะทําประกันภัยบ้าน ต้องรู้อะไรบ้าง?
โดยมีบริษัทประกันภัยเป็นผู้ทำหน้าที่เก็บเบี้ยประกันและชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ตามที่ระบุไว้ในสัญญา”
หรือพูดง่ายๆ ว่าประกันบ้าน คือ ประกันที่เราซื้อจากบริษัทต่างๆ ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยสำคัญที่จะมาช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและคุ้มครองคนในบ้าน ทรัพย์สินภายในบ้าน และบ้าน เมื่อต้องเจอกับเหตุการณ์ไม่ปกติ
ประกันบ้านคุ้มครองอะไรบ้าง?
ปัจจุบันประกันบ้านมีให้เลือกหลายหลาย แต่เราจะแบ่งเป็น 2 ประเภทหลักๆ ให้ทุกคนเห็นภาพชัดมากขึ้น ดังนี้
1. ประกันบ้านฉบับเดียวที่คุ้มครองรอบด้าน
เป็นประกันภัยที่คุ้มครองทั้งสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์สินภายในบ้าน จากเหตุการณ์ต่างๆ ที่นำมาซึ่งความเสียหาย เช่น อุบัติเหตุจากไฟไหม้ ฟ้าผ่า ระเบิด น้ำท่วม ลูกเห็บ พายุ แผ่นดินไหว การโจรกรรม อุบัติเหตุจากเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น
และบางกรมธรรม์จะคุ้มครองการเสียชีวิตอันเนื่องมาจากไฟไหม้ ชิงทรัพย์ หรือการปล้นทรัพย์ด้วย
2. ประกันที่คุ้มครองเฉพาะอย่าง
เป็นประกันภัยที่เบี้ยประกันจะค่อนข้างถูกกว่าแบบแรก เพราะสามารถเลือกให้คุ้มครองบ้านแค่ในบางกรณี หรือสามารถเลือกทำเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความคุ้มครองจากแผนหลักได้ เช่น
ประกันอัคคีภัย: คุ้มครองอุบัติเหตุอันมีสาเหตุมาจากไฟ เช่น ไฟไหม้ แรงระเบิดจากแก๊ส ฟ้าผ่า ไฟฟ้าลัดวงจร
ประกันภัยพิบัติ: คุ้มครองเหตุที่เกิดจากภัยธรรมชาติที่มีความรุนแรงถึงขั้นเป็นภัยพิบัติ ได้แก่ น้ำท่วม พายุ และแผ่นดินไหว
ประกันโจรกรรม: คุ้มครองความสูญเสียหรือความเสียหายต่อทรัพย์สิน อันเนื่องมาจากการถูกโจรกรรม โดยปรากฎร่องรอยงัดแงะต่อสถานที่เอาประกันภัย รวมถึงการถูกชิงทรัพย์และปล้นทรัพย์
ประกันสินเชื่อบ้าน : ประกันคุ้มครองกรณีผู้ขอสินเชื่อสำหรับผ่อนบ้านเสียชีวิตกะทันหัน แต่ยังผ่อนไม่ครบ โดยบริษัทประกันจะเข้ามารับผิดชอบส่วนที่เหลือต่อเอง เพื่อไม่ให้หนี้ดังกล่าวไปสร้างความเดือดร้อนให้คนในครอบครัว อีกทั้งมีความพิเศษ คือ สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ ในกรณีที่ผู้กู้สินเชื่อทำประกันครอบคลุมวงเงินหรือระยะเวลาเอาประกันตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป (แต่ค่าเบี้ยสูงสุดต้องไม่เกิน 100,000 บาท)
บ้านแบบไหน? ที่ควรทำประกัน
บ้านทุกหลังและทุกประเภทควรทำประกันทั้งสิ้น เพราะอุบัติเหตุ ภัยพิบัติ หรือการโจรกรรม สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งผู้ที่จะทำประกันสามารถเลือกแผนประกันได้ตามความพร้อมของตนเอง หากไม่สะดวกที่จะจ่ายเบี้ยแพงเพื่อประกันบ้านที่ครอบคลุมรอบด้าน ก็สามารถเลือกแผนประกันที่คุ้มครองเฉพาะด้านได้ โดยอาจประเมินเบื้องต้นจากความเสี่ยงที่เป็นไปได้
อ่านเพิ่มเติม: ประกันอัคคีภัย สำหรับบ้านอยู่อาศัย เลือกยังไงให้คุ้ม?
เช่น คนในบ้านส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้สูงอายุ ที่ไม่มีความรอบคอบมากนัก ก็เลือกซื้อประกันอัคคีภัย ถ้าบ้านอยู่ใกล้แหล่งธรรมชาติที่อาจได้รับผลกระทบจากน้ำป่าไหลหลาก ประกันภัยพิบัติก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ หรือถ้าตัวผู้กู้สินเชื่อทำงานที่ต้องเดินทางบ่อย เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ การซื้อประกันสินเชื่อบ้านก็ดูจะเหมาะสม เป็นต้น
5 เหตุผลที่คนมีบ้านควรทำประกัน
สําหรับผู้ที่มีบ้านอยู่ หรือกําลังวางแผนจะซื้อบ้าน การทําประกันบ้านเป็นสิ่งสําคัญมาก เพราะถือเป็นการซื้อความคุ้มครองให้บ้านในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ไม่ว่าจะเป็น นํ้าท่วม ไฟไหม้ ลมพายุ ระเบิด รวมไปถึง โจรกรรม
ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อบ้าน และ ทรัพย์สินภายในบ้าน SMILE INSURE จะพามาดูข้อดีของการทําประกันบ้านว่าคุ้มแค่ไหน สําคัญหรือไม่
1. จ่ายน้อยแต่คุ้มครองคุ้ม
เบี้ยประกันบ้านนั้นเริ่มต้นแค่หลักพันบาทต่อปี แต่ยอดเงินสินไหมทดแทนนั้นสามารถคุ้มครองความเสียหายได้เกินกว่าเบี้ยประกันมากกว่าสิบเท่าขึ้นไป
2. มีผู้ช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน ยามเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้นกับบ้าน นอกจากทรัพย์สินจะเสียหายแล้ว เจ้าของบ้านยังมีโอกาสเสียเงินเพื่อซ่อมแซมบ้าน หรือจัดหาทรัพย์สินชิ้นใหม่มาทดแทนอย่างมหาศาล
แต่ถ้ามีประกันบ้าน ก็จะช่วยลดภาระตรงนี้ลงไปได้ เพราะค่าสินไหมทดแทนจะคุ้มครองได้มากพอสมควร ซึ่งในบางกรมธรรม์อาจคุ้มครองจนเจ้าของบ้านไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มเติมอีกเลย ทำให้เกิดสภาพคล่องทางการเงิน และอาจมีเงินเหลือเป็นเงินทุนสำรองในการดำเนินงานอื่นๆ ต่อไปได้อีกด้วย
3. เพิ่มความอุ่นใจเมื่อต้องไกลบ้าน
บางครั้งชีวิตก็ไม่แน่นอน เจ้าของบ้านอาจต้องไปทำงานไกลถึงต่างประเทศ หรือมีโอกาสได้ใช้วันลาพักร้อนที่สะสมมาแบบเต็มที่ ทำให้ไม่ได้อยู่บ้าน เพื่อคอยสอดส่องความเรียบร้อยเหมือนปกติ ประกันบ้านจะเข้ามาช่วยเติมเต็มช่วงเวลาเหล่านี้
และช่วยให้เจ้าของบ้านอุ่นใจขึ้นเมื่อไม่อยู่บ้าน เพราะประกันพร้อมให้ความช่วยเหลือตลอดเวลา ไม่มีวันหยุด จนกว่าจะครบกำหนดที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
4. ทำประกันบ้านต่อเนื่อง ยิ่งจ่ายค่าเบี้ยถูกลง
ข้อนี้เป็นคำแนะนำจาก คปภ. เพราะการทำประกันบ้านแบบต่อเนื่อง 2 – 3 ปี จะได้รับส่วนลดค่าเบี้ยลงเรื่อยๆ จึงคุ้มกว่าที่จะทำประกันแค่ปีต่อปี โดยหากทำประกันภัยระยะยาว 2 ปี บริษัทประกันจะคิดเบี้ยประกันภัยเท่ากับ 175% ของเบี้ยประกันภัย 1 ปี และหากทำประกันภัยระยะยาว 3 ปี บริษัทจะคิดเบี้ยประกันภัยเพียง 250% ของเบี้ยประกันภัย 1 ปี เท่านั้น
5. เป็นตัวช่วยที่ทำให้ขอสินเชื่อบ้านได้ง่ายขึ้น
เมื่อมีเหตุฉุกเฉินให้ต้องนำบ้านไปเป็นหลักฐานค้ำประกันการขอสินเชื่อ ธนาคารมักจะขอเรียกดูประกันบ้านด้วย ซึ่งถ้าเจ้าของบ้านมีประกัน ก็จะได้คะแนนในการพิจารณาสินเชื่อสูงขึ้น
สิ่งที่ควรดูเมื่อตัดสินใจซื้อประกันบ้าน
เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะซื้อประกันบ้านแบบไหน ลำดับต่อไปก็คือการเปรียบเทียบความคุ้มครองของประกันแต่ละบริษัท เพื่อหาตัวเลือกที่ตรงใจและทำให้การจ่ายเบี้ยประกันคุ้มค่าสูงสุด โดยสิ่งที่ควรดูในเบื้องต้น ได้แก่ เงื่อนไขความคุ้มครอง เบี้ยประกันที่ต้องจ่าย วงเงินประกัน ความน่าเชื่อถือของบริษัทประกัน และบริการหลังการขาย
แต่อย่างไรก็ตาม การสอบถามรายละเอียดกรมธรรม์ที่ดีที่สุด คือการติดต่อโดยตรงกับบริษัทหรือตัวแทนประกันภัยมืออาชีพ สนใจทำประกันบ้าน คลิก SMILE INSURE พร้อมให้คำปรึกษา และมอบโปรโมชั่นดีๆ ให้คุณมากมาย