ถูกชนแล้วหนี เคลมประกันชัั้นไหนได้บ้าง?
เมื่อพูดถึงการทำประกันรถยนต์ในยุคนี้ นอกจากจะมีหลายบริษัทประกัน และหลายโบรกเกอร์ให้เลือกแล้ว ยังมีประกันรถให้เลือกทำ มากถึง 5 ประเภทด้วย ซึ่งแต่ละประเภทจะมีเงื่อนไขความคุ้มครอง และค่าเบี้ยประกันที่แตกต่างกันไป
โดยหนึ่งในประกันรถที่คนนิยมทำกัน ไม่แพ้ประกันชั้น 1 คือ “ประกันชั้น 2+” ที่มีราคาค่าเบี้ยถูกกว่าหลักพันบาทแต่ราคาค่าเบี้ยประกันที่ถูกลง ต้องแลกกับการตัดความคุ้มครองบางอย่างออกไป
ซึ่งนั่นทำให้เงื่อนไขการเคลมของประกันชั้น 2+ มีข้อจำกัดมากกว่าประกันชั้น 1 โดยเฉพาะในเรื่องของการเคลมแบบไม่มีคู่กรณี ส่วนกรณีถูกชนแล้วหนี เคลมประกันชัั้นไหนได้บ้าง? วันนี้เราจะพามาไขข้อข้องใจไปพร้อมกัน
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง?
สำหรับประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 หากเกิดเหตุการณ์ชนแล้วหนีก็สบายใจได้เลยครับ เพราะจะได้รับความคุ้มครองอย่างแน่นอนทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุที่มีคู่กรณีหรือไม่มีก็ตาม ซึ่งในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุและไม่มีคู่กรณี
อ่านเพิ่มเติม: ต่อ พ.ร.บ. ทุกปี จําเป็นต้องทําประกันรถยนต์เพิ่มไหม?
เช่น รถยนต์เกิดความเสียหายหรือชนกับสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ หรืออุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณี (ที่ไม่ได้เกิดจากการชน) หรือรถยนต์ของเราเกิดรอยขีดข่วนที่หาสาเหตุหรือผู้กระทำไม่ได้ รวมถึงเหตุการณ์ทางธรรมชาติที่ส่งผลให้รถยนต์ของเราเกิดความเสียหาย เป็นต้น
จำเป็นต้องมีการชำระค่าเสียหายส่วนแรกภาคบังคับ (Excess) จะมีเพิ่มเติมเมื่อทำการเคลมประกันภัยชั้น 1 โดยส่วนใหญ่แล้วค่า Excess จะเริ่มต้นที่ประมาณ 1,000 บาท
ประกันชั้น 2+ คุ้มครองอะไรบ้าง?
ประกันชั้น 2+ เป็นประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ (Voluntary Motor Insurance) ที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อเพิ่มเติมความคุ้มครองในเรื่อง “การคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์คันเอาประกันภัย”
ที่ประกันชั้น 2 ไม่มี เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้คนที่พร้อมจ่ายค่าเบี้ยแพงขึ้นอีกนิด แต่ได้ความคุ้มครองเกือบเท่าประกันชั้น 1
อ่านเพิ่มเติม: 4 วิธี ช่วยลดค่าเบี้ยประกันรถได้จริง!
โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนดให้ประกันชั้น 2+ มีความคุ้มครอง 4 ด้าน ดังนี้
1. คุ้มครองความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก รวมถึงผู้โดยสารในรถคันเอาประกันภัย (Third Party Bodily Injury: TPBI) โดยประกันแต่ละแผนจากทุกบริษัท ต้องรับผิดชอบในส่วนนี้อย่างน้อย 100,000 บาทต่อคน และ 10,000 บาทต่อครั้ง
2. คุ้มครองความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก (Third Party Property Damage: TPPD) โดยประกันแต่ละแผนจากทุกบริษัท ต้องรับผิดชอบในส่วนนี้อย่างน้อย 200,000 บาทต่อครั้ง
3. คุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์คันเอาประกันภัย (Own Damage: OD) กรณีรถชนแบบมีคู่กรณีที่เป็นยานพาหนะทางบก (รถชนรถ) เท่านั้น โดยประกันแต่ละแผนจากทุกบริษัท ต้องรับผิดชอบในส่วนนี้อย่างน้อย 50,000 บาท
4. คุ้มครองการสูญหายและไฟไหม้ของตัวรถยนต์คันเอาประกันภัย (Fire and Theft: F&T) ให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของรถยนต์ อุปกรณ์ เครื่องตกแต่ง และส่วนควบที่ติดประจำอยู่กับตัวรถยนต์ ที่ถูกไฟไหม้ หรือเกิดการสูญหายจากการกระทำที่ผิดกฎหมายของผู้อื่น เช่น การลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ยักยอกทรัพย์ เป็นต้น
อ่านเพิ่มเติม: ประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง?
หมายเหตุ: วงเงินการคุ้มครองในแต่ละด้านจะขึ้นอยู่กับแพ็กเกจประกัน แต่จะไม่น้อยไปกว่าที่คปภ. กำหนด สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่บริษัทประกันหรือโบรกเกอร์
**เงื่อนไขการเคลมประกันอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับบริษัทประกันควรอ่านกรมธรรม์ประกันอย่างละเอียดก่อนทำประกัน**
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+ จะคล้ายกับประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ ก็คือจะคุ้มครองในกรณีรถชนเท่านั้น หากมีหลักฐานและสามารถระบุตัวตนของคู่กรณีที่ชนแล้วหนีได้จะสามารถส่งเคลมได้ แต่ถ้าหากไม่มีหลักฐานหรือรายละเอียดของคู่กรณี
เราสามารถขอหลักฐานจากกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุได้ เพื่อนำมายืนยันข้อมูลกับทางบริษัทประกันหรือแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้ก็สามารถใช้ใบนี้เป็นหลักฐานในการยื่นเคลมประกันรถได้
อ่านเพิ่มเติม: ต่อประกันรถยนต์ ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง?
กรณีถูกชนแล้วหนี เคลมประกันอะไรได้บ้าง?
ประกันชั้น 1 คุ้มครองทุกกรณี ไม่ว่าจะมีคู่กรณีหรือไม่ก็ตาม สามารถเคลมได้
สำหรับใครที่ทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 สบายใจได้เลยว่าหากเกิดเหตุการณ์โดนรถชนแล้วหนีจะได้รับความคุ้มครองอย่างแน่นอน เพราะประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองการชนทุกกรณี
ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุที่มีคู่กรณีหรือไม่มีคู่กรณีก็ตาม คุณสามารถนำรถเข้าไปเคลมประกันรถได้เลย
ประกันชั้น 2+ คุ้มครองกรณีมีคู่กรณีเท่านั้น แต่สามารถเคลมได้
เพราะประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ จะให้ความคุ้มครองในกรณีที่มีคู่กรณีเท่านั้น หากโดนชนแล้วหนีแต่จำทะเบียนรถได้ หรือมีกล้องติดรถบันทึกภาพเหตุการณ์ได้ขณะถูกชนแล้วหนี ผู้เอาประกันสามารถเคลมประกันรถกับทางบริษัทประกันภัยได้
แต่ถ้าหากจำรายละเอียดของคู่กรณีไม่ได้ก็ไม่สามารถส่งเคลมประกันรถได้ เนื่องจากเป็นเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ ที่จะคุ้มครองรถของผู้เอาประกันในกรณีรถชนรถและมีคู่กรณีนั่นเอง
ประกันชั้น 3+ ไม่สามารถเคลมได้
เช่นเดียวกันกับประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ ที่จะให้ความคุ้มครองในกรณีรถชนรถเท่านั้นสำหรับประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+ หากมีหลักฐานและระบุตัวตนของคู่กรณีที่ชนแล้วหนีได้ จะสามารถส่งเคลมประกันรถได้ แต่ถ้าหากไม่มีหลักฐานหรือรายละเอียดของคู่กรณี
ผู้เอาประกันสามารถขอหลักฐานจากกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ เพื่อมายืนยันข้อมูลกับบริษัทประกันหรือแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้ ก็สามารถใช้เป็นหลักฐานในการยื่นเคลมประกันรถได้เช่นกัน
ประกันภัยชั้น 2 กับ ประกันชั้น 3 ไม่สามารถเคลมได้
สำหรับกรณีที่รถของคุณทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 หรือประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 จะไม่ได้รับการคุ้มครองในกรณีที่เกิดเหตุชนแล้วหนี ตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เพราะประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 และประกันภัยรถยนต์ชั้น 3
จะให้ความคุ้มครองความเสียหายเฉพาะรถของคู่กรณีเท่านั้น ซึ่งหากถูกชนแล้วหนีทางผู้เอาประกันจะต้องจ่ายค่าเสียหายทั้งหมดเอง
เมื่อโดนชนแล้วหนี จะต้องทำอย่างไร
- จำทะเบียนรถคู่กรณีได้
- มีกล้องติดรถบันทึกภาพเหตุการณ์ได้
- มีพยานเห็นเหตุการณ์
- จอดรถในจุดปลอดภัย เปิดไฟฉุกเฉิน และแจ้งตำรวจ
- ถ่ายรูปรอยแผลและความเสียหายของรถ
- ถ่ายรูปสถานที่เกิดเหตุ
- หาพยาน เพื่อช่วยยืนยันอุบัติเหตุครั้งนี้
- แจ้งบริษัทประกัน โดยหลังจากเกิดเหตุควรรีบโทรแจ้งไปยังบริษัทประกันภัยที่คุณทำไว้
- ระบุว่าเกิดเหตุการณ์ชนแล้วหนีที่บริเวณไหน และสามารถยืนยันได้ว่าเป็นข้อมูลจริง ดังนั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องแจ้งความกับตำรวจเพื่อลงบันทึกประจำวันเก็บไว้เป็นหลักฐาน เพื่อขอเคลมประกันรถกับบริษัทประกัน
เอกสารที่ต้องใช้เคลมประกันรถยนต์
- สำเนาใบอนุญาตขับขี่ของผู้ขับขี่ขณะเกิดเหตุ
- สำเนาทะเบียนรถ
- สำเนาหน้าตารางกรมธรรม์
- สำเนาบันทึกประจำวัน (แล้วแต่กรณี)
- เอกสารชนแล้วแยกหรือใบหลักฐานยอมรับผิดจากคู่กรณี (แล้วแต่กรณี)
ถ้าอยากหมดกังวลเรื่องอุบัติเหตุรถชน เมื่ออ่านบทความนี้จบแล้ว อย่าลืมทำประกันรถยนต์เพื่อคุ้มครองรถ และติดต่อโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถืออย่าง SMILE INSURE เพื่อสอบถามข้อมูล และเช็คเบี้ยฟรีได้เลย