ต่อประกันรถยนต์ ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง?
ประกันรถยนต์เป็นสิ่งสําคัญมากที่เราควรต่อประกันทุกปีไม่ควรลืมต่อ แม้ลืมต่อไปแค่วันเดียวก็เท่ากับว่ารถของคุณไม่มีความคุ้มครองแล้ว แต่เพราะการต่อประกันแค่ปีละครั้งอาจจะทําให้บางคนลืมไป ว่าจะต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง?
เพื่อเตรียมพร้อมเอาไว้ล่วงหน้า วันนี้เราเลยจะพาทุกคนมาดูกันว่า ถ้าจะต่ออายุประกันรถ ควรเตรียมเอกสารอะไรบ้าง? ในการต่อประกันรถยนต์
ทำไมต้องเตรียมเอกสารการประกันรถยนต์ล่วงหน้า?
การทําประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ เป็นตัวช่วยเพิ่มความคุ้มครองให้รถและคนตลอดทุกการเดินทาง หากประกันหมดอายุ ความคุ้มครองก็จะสิ้นสุดทันที
ซึ่งนั่นอาจทำให้คุณต้องรับผิดชอบค่าเสียหายต่อเหตุการณ์นั้นเพียงลำพังรวมถึงค่าซ่อมรถ ดังนั้นควรเตรียมเอกสารต่ออายุประกันรถเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ จะดีที่สุด
เอกสารที่ใช้ในการต่อประกันรถยนต์?
การต่ออายุประกันรถ จะใช้เอกสารสำคัญประมาณ 4 อย่าง คือ
1. สำเนาบัตรประชาชนของผู้ที่เป็นเจ้าของรถ
2. สำเนาใบขับขี่ของเจ้าของรถ หรือผู้ที่จะระบุชื่อไว้ในกรมธรรม์ประกันรถยนต์
3. สำเนาหนังสือการจดทะเบียนรถยนต์
4. สำเนากรมธรรม์ประกันรถยนต์เล่มปัจจุบัน หรือใบเตือนการต่ออายุประกันรถจากบริษัทประกัน
อ่านเพิ่มเติม: อุปกรณ์เสริมรถแบบไหน? ที่ประกันไม่คุ้มครอง!
ทั้งนี้ ผู้ที่จะทำการต่อประกันรถยนต์ ควรมีเอกสารตัวจริงติดตัวไว้ด้วย เพราะถ้าบริษัทประกันหรือโบรกเกอร์มีข้อสงสัย อาจขอตรวจสอบเอกสารตัวจริงเพิ่มเติมได้ เพื่อป้องกันการแอบอ้างสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของรถแบบผิดกฎหมาย เช่น ยักยอกทรัพย์ ลักทรัพย์ เป็นต้น
อ่านเพิ่มเติม: รู้ก่อนซื้อ รถ Hybrid มีข้อดี-ข้อเสีย อะไรบ้าง?
แต่ถ้าเราต้องการต่อประกันรถยนต์กับบริษัทประกันเดิม บางครั้งอาจใช้เอกสารแค่เพียง 2 อย่างเท่านั้น (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัท) คือ สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของรถ และสำเนาใบขับขี่ของเจ้าของรถ หรือผู้ที่จะระบุชื่อไว้ในกรมธรรม์
เพราะบริษัทประกันมีข้อมูลของรถ และกรมธรรม์เล่มเดิมอยู่ในฐานข้อมูลอยู่แล้ว จึงช่วยลดขั้นตอนในการเตรียมเอกสารได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าตัวรถหรือข้อมูลของเจ้าของรถมีการเปลี่ยนแปลงก่อนต่ออายุประกัน บริษัทฯ จะให้ยื่นเอกสารเพิ่มเติม
ความสําคัญของเอกสารที่ใช้ต่อประกันรถยนต์
1. สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของรถ
เอกสารนี้จะเพื่อใช้ยืนยันตัวตนเจ้าของรถ ว่าเป็นไปตามที่ระบุไว้ในหนังสือการจดทะเบียนรถยนต์หรือไม่? เพราะส่วนใหญ่ บริษัทประกันมักจะใช้ชื่อเจ้าของรถเป็นชื่อผู้เอาประกันไปเลย จึงต้องมีการตรวจสอบให้ตรงกัน
2. สำเนาใบขับขี่ของเจ้าของรถ หรือผู้ที่จะระบุชื่อไว้ในกรมธรรม์ประกันรถยนต์
เอกสารนี้สำคัญกับการระบุชื่อผู้เอาประกันภัย โดยปกติแล้วจะนิยมระบุเป็นชื่อเจ้าของรถ แต่สำหรับประกันรถชั้น 1 จะมีตัวเลือกให้เพิ่มชื่อผู้เอาประกันภัยร่วมได้ (รวมทั้งหมด 2 คน)
ดังนั้นถ้าจะระบุชื่อเจ้าของรถเพียงคนเดียว สามารถใช้สำเนาใบขับขี่ของเจ้าของรถเพียงอย่างเดียวได้เลย แต่ถ้าอยากระบุชื่อ 2 คน ก็ต้องใช้สำเนาใบขับขี่ของทั้งคู่
แต่ถ้าระบุชื่อลงบนกรมธรรม์เพียงคนเดียว มีโอกาสที่จะได้จ่ายค่าเบี้ยประกันถูกกว่าระบุชื่อ 2 คน
อ่านเพิ่มเติม: รถชนไม่มีคู่กรณี ประกันชั้น 2+ เคลมได้ไหม?
เพราะบริษัทประกันมองว่าการใช้รถแค่คนเดียวมีความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้น้อยกว่าการใช้รถร่วมกันหลายคน เลยจะลดค่าเบี้ยให้เล็กน้อย
3. สำเนาหนังสือการจดทะเบียนรถยนต์
หนังสือการจดทะเบียนรถยนต์ หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า “เล่มทะเบียนรถ” คืออีกหนึ่งเอกสารสำคัญที่ต้องถ่ายสำเนาเพื่อใช้ประกอบการต่ออายุประกันรถ
เพราะสิ่งนี้จะมีข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับรถ เช่น สีรถ รุ่นรถ ประเภทรถ ป้ายทะเบียน เลขตัวถัง เครื่องยนต์ ข้อมูลส่วนตัวของเจ้าของรถ เป็นต้น
รวมถึงมีลายเซ็นของเจ้าพนักงานจากกรมการขนส่งเซ็นกำกับ จึงสามารถใช้ยืนยันความถูกต้องได้ว่ารถแต่ละคันผ่านการจดทะเบียนมาแล้ว ไม่ใช่การแอบอ้างสวมทะเบียน รวมถึงใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้นในการพิจารณาคุณสมบัติต่างๆ ของรถ ก่อนทำประกันได้ด้วย
4. สำเนากรมธรรม์ประกันรถยนต์เล่มปัจจุบัน หรือใบเตือนการต่ออายุประกันรถจากบริษัทประกัน
สิ่งนี้ถือว่าเป็นตัวช่วยพิเศษในยามที่คุณตัดสินใจต่อประกันกับบริษัทเดิม เพราะถ้าไม่เคยมีประวัติการเคลมมาก่อน กรมธรรม์เล่มเดิมหรือใบเตือนต่ออายุประกัน ก็จะทำให้คุณจ่ายค่าเบี้ยประกันถูกลงกว่าเดิม
อ่านเพิ่มเติม: 5 ข้อควรระวัง! เมื่อทำประกันรถยนต์ออนไลน์
แต่ถ้าคุณเคยเคลมมาแล้ว ตัวช่วยนี้ก็อาจไม่เป็นผล และอาจจะทำให้คุณจ่ายค่าเบี้ยแพงกว่าเดิมด้วย ดังนั้นจึงพูดได้ว่า มันเหมาะกับคนที่ไม่เคยมีประวัติการเคลมมาก่อน ขับรถดี อุบัติเหตุเป็นศูนย์
5 ข้อดีของการทำประกันรถยนต์ออนไลน์
1. เปรียบเทียบข้อมูลก่อนตัดสินใจทำประกันรถยนต์ออนไลน์ ได้ง่าย
เพราะว่าสมัยนี้เว็บไซต์ของทั้งบริษัทประกัน และโบรกเกอร์ชั้นนำ จะมีฟังก์ชั่นช่วยเปรียบเทียบข้อมูลของแผนประกันจากหลายบริษัท ในทุกๆ ด้าน
ไม่ว่าจะเป็นราคาค่าเบี้ยประกัน รุ่นรถ ปีที่จดทะเบียนรถ ชั้นประกัน และบริษัทประกันเดิมทำให้การเปรียบเทียบข้อมูลเป็นเรื่องง่ายดาย รวดเร็ว สะดวกและครบถ้วน
2. รวดเร็วทันใจ จบครบในที่เดียวเมื่อทำประกันรถยนต์ออนไลน์
การทำประกันภัยรถยนต์ผ่านระบบออนไลน์ของบริษัทประกัน หรือโบรกเกอร์ต่างๆ ค่อนข้างสะดวกโดยที่ไม่ต้องเดินทางไปที่บริษัทด้วยตัวเอง แต่ยังคงได้รับความคุ้มครองเหมือนกันทุกอย่าง
การทำประกันรถยนต์ออนไลน์ จึงจะช่วยลดระยะเวลาในการทำประกัน และไม่ต้องสิ้นเปลืองทั้งค่าน้ำมันรถในการเดินทางไปยังโบรกเกอร์ หรือบริษัทประกัน
3. ทำประกันรถยนต์ออนไลน์สามารถจ่ายเงินได้หลายวิธี
มีทั้งจ่ายด้วยบัตรเครดิต บัตรเดบิต โอนเงินผ่านบัญชีธนาคารด้วยตู้เอทีเอ็ม โอนเงินผ่านบัญชีธนาคารด้วยแอปพลิเคชั่นธนาคาร สแกน QR Code พร้อมเพย์ Internet Banking และเงินสด
4. ประกันรถออนไลน์ผ่อนได้สบายกระเป๋า
เพราะส่วนใหญ่บริษัทประกันหรือโบรกเกอร์ มักจะมีโปรโมชั่น และสิทธิพิเศษสุดคุ้มมากมายมามอบให้ลูกค้า เช่น ผ่อน 0%
ไร้ดอกเบี้ยด้วยบัตรเครดิตหรือเงินสดได้นานหลายเดือน รับเครดิตเงินคืนหรือรับคะแนนสองเท่าจากบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ เป็นต้น
อ่านเพิ่มเติม: เปิดขั้นตอน ซื้อประกันรถออนไลน์กับ SMILE INSURE ซื้ออย่างไรให้คุ้มที่สุด?
5. ทำประกันรถยนต์ออนไลน์ช่วยลดการใช้เอกสารกระดาษ
อีกหนึ่งข้อดีที่หลายคนมองข้ามไป ถือเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยรักษ์โลกและสิ่งแวดล้อม เพราะลดการใช้เอกสารกระดาษ (Paperless) ในทุกขั้นตอนที่ไม่จำเป็น แล้วทดแทนด้วยไฟล์ออนไลน์
ถ้าประกันรถยนต์ของคุณใกล้หมดอายุ และกําลังมองโบรกเกอร์ดีๆ ลองให้เราได้ดูแลคุณ ด้วยการต่อประกันออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ SMILE INSURE และเช็คราคาค่าเบี้ยประกัน
พร้อมเปรียบเทียบเงื่อนไขความคุ้มครองจากหลายบริษัทประกันชั้นนำ ได้ทันที อีกทั้งยังมาพร้อมสิทธิพิเศษที่จะมอบให้คุณอีกมากมาย