จริงหรือไม่? ขับรถยนต์ไฟฟ้าขณะฝนตก เสี่ยงแบตพัง?
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังมีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้งาน โดยเฉพาะในสภาพอากาศที่เปียกชื้น หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยคือ "การขับรถยนต์ไฟฟ้าขณะฝนตกจะทำให้แบตเตอรี่เสียหายหรือไม่?"
ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ได้การันตีมีการทดสอบการกันน้ำในระดับ 50 เซนติเมตร เป็นเวลา 30 นาที แต่น้ำก็ไม่สามารถเข้าไปในแบตเตอรี่ได้
ยกตัวอย่างมาตรฐานการกันน้ำของมอเตอร์ไฟฟ้า หรือกล่องควบคุม มักจะอยู่ที่ IP67 ซึ่งต้องเช็กกันอีกทีว่าสามารถกันน้ำกระเด็น , ลุยน้ำชั่วคราว ซึ่งแปลว่า “รถ EV” ไม่สามารถลุยน้ำได้ ซึ่งหากจำเป็นต้องใช้งานจริงก็คงไม่มีปัญหา แต่ไม่ถึงกับสามารถจอดแช่น้ำได้
อ่านเพิ่มเติม: 4 เหตุผลที่ทำให้ค่าเบี้ยประกันรถ EV แพงกว่ารถยนต์ทั่วไป
สถานการณ์ฝนตกหนักในช่วงนี้ ในส่วนของการชาร์จไฟกับรถ EV เสียบสายชาร์จก่อนฝนตก และสามารถชาร์จได้กลางสายฝนโดยไม่มีปัญหา แต่หากฝนตกอยู่แล้วแนะนำให้รอฝนหยุดก่อนจะเสียบชาร์จจะปลอดภัยกว่า
ความจริงแล้วรถยนต์ไฟฟ้าถูกออกแบบมาให้สามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยในสภาพอากาศต่างๆ รวมถึงฝนตกด้วย ผู้ผลิตรถยนต์ได้ใช้เทคโนโลยีการป้องกันน้ำที่ทันสมัยเพื่อปกป้องส่วนประกอบสำคัญ เช่น แบตเตอรี่และระบบไฟฟ้า
เหตุผลที่รถยนต์ไฟฟ้าปลอดภัยเมื่อขับขณะฝนตก
- การป้องกันน้ำ แบตเตอรี่และส่วนประกอบไฟฟ้าถูกห่อหุ้มด้วยวัสดุกันน้ำอย่างดี
- การทดสอบที่เข้มงวด รถยนต์ไฟฟ้าต้องผ่านการทดสอบในสภาพอากาศต่างๆ ก่อนจำหน่าย
- ระบบความปลอดภัย รถมีระบบตัดไฟอัตโนมัติในกรณีที่ตรวจพบความผิดปกติ
- มาตรฐานการผลิต ผู้ผลิตต้องปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล
อ่านเพิ่มเติม: ฝนตกหนักแบบนี้ รถ EV ขับลุยน้ำได้ไหม?
รถ EV ขับลุยน้ำได้แค่ไหน?
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารถ EV จะขับลุยน้ำได้ไม่ต่างจากรถอื่นๆ แต่ถ้าอยากให้รถมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ก็ควรศึกษาเรื่องข้อจำกัดในการลุยน้ำของรถแต่ละรุ่นให้ดี และทำตามนั้น
โดยข้อมูลที่สามารถบอกถึงระดับความสูงของน้ำ ที่รถ EV ขับลุยไปได้ มี 2 อย่าง ดังนี้
1. มาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น หรือ Ingress Protection Rating (IP)
มาตรฐานนี้จะมีเลขอ้างอิงสองหลัก โดยหลักแรกจะบอกระดับการป้องกันของแข็ง (0-6) และหลักที่สองบอกระดับการป้องกันของเหลว (0-9K) ถ้าตัวเลขยิ่งมาก ก็หมายความว่ายิ่งป้องกันน้ำและฝุ่นได้มาก
เช่น IP67 (มาตรฐานส่วนใหญ่ของรถ EV) คือ ป้องกันฝุ่นได้สมบูรณ์แบบ และป้องกันการแทรกซึมของน้ำจากการแช่ตัวอุปกรณ์ในน้ำที่ความลึกสูงสุด 1 เมตร เป็นเวลานาน 30 นาที เป็นต้น
อ่านเพิ่มเติม: ทำประกันชั้น 1 รถ EV คุ้มค่าแค่ไหน?
Tips: ถ้าอยากให้รถลุยน้ำท่วมขังได้ดี ควรเลือกรถที่มีตัวเลขมาตรฐาน IP สูงทั้งสองหลัก เพราะในน้ำท่วมไม่ได้มีน้ำเป็นส่วนประกอบแค่อย่างเดียว แต่มีฝุ่นละออง และเศษขยะปะปนกันอยู่ด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้ขับขี่ควรระมัดระวังเมื่อขับขี่ในสภาพอากาศเลวร้าย เช่นเดียวกับรถยนต์ทั่วไป ควรหลีกเลี่ยงการขับผ่านน้ำท่วมสูง และตรวจสอบสภาพรถอย่างสม่ำเสมอ
การขับรถยนต์ไฟฟ้าในขณะฝนตกไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงต่อความเสียหายของแบตเตอรี่ ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถขับขี่ได้อย่างมั่นใจแม้ในวันที่มีฝนตก
2. ความสูงของใต้ท้องรถ
เป็นเรื่องปกติที่เมื่อใต้ท้องรถสูง ก็จะลุยน้ำได้ดีมากขึ้น เพราะแบตเตอรี่ถูกติดตั้งไว้ตรงนั้น ดังนั้นถ้าบ้านของคุณ หรือบริเวณใกล้เคียง เป็นพื้นที่ราบลุ่ม อยู่ติดแม่น้ำ หรือน้ำท่วมขังบ่อย ระบายน้ำช้า
การเลือกใช้รถ EV ที่เป็นรถอเนกประสงค์ รถตู้ หรือรถกระบะ ก็จะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ และเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ได้มากกว่ารถเก๋ง
แต่ถึงแม้ข้อมูลหลายอย่างจะบอกว่ารถ EV คันนั้น สามารถขับลุยน้ำได้ดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าของรถจะใช้รถแบบสมบุกสมบัน จนละเลยการดูแลรถไปได้ เพราะนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้รถพัง
หากจำเป็นต้องขับรถขณะน้ำท่วม ผู้ใช้งานควรเพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น ค่อยๆ ขับโดยใช้ความเร็วต่ำ คอยระวังสิ่งกีดขวางบนท้องถนน
สุดท้ายไม่ว่าฝนจะตกน้อยหรือตกหนัก รถ EV ก็สามารถขับลุยน้ำได้ แต่ถ้าอยากขับลุยน้ำได้แบบมั่นใจมากขึ้น เจ้าของรถควรทำประกันรถ EV เพิ่มเติมไว้ เพื่อเป็นตัวช่วยแบ่งเบาภาระในยามเกิดเหตุการไม่คาดฝัน