ไขข้อสงสัย ฝนตกทําให้เป็นหวัดจริงหรือไม่?
“อย่าตากฝนเดี๋ยวเป็นหวัด” คำที่เรามักได้ยินกันบ่อยๆ ที่คนรอบข้างคอยเตือนในช่วงเวลาที่ฝนตก เลยทำให้ทุกคนเข้าใจกันว่าเมื่อฝนตก ถ้าโดนน้ำฝนมากๆ จนตัวเปียกชื้นจะทำให้เป็นไข้หวัด และไม่สบาย มันเป็นแบบนั้นจริงหรือไม่?
วันนี้ SMILE INSURE จะพาคุณมาหาคำตอบไปพร้อมกัน ว่าน้ำฝนคือสาเหตุที่ทำให้ไม่สบายหรือเปล่า
สาเหตุของไข้หวัด
การติดเชื้อไวรัสบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น ไข้หวัดมีอยู่หลายชนิด แต่ส่วนมากมักจะพบว่าติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า “ไรโนไวรัส (Rhinoviruses)” ทำให้มีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ จาม และเจ็บคอ
โดยเชื้อที่ก่อให้เกิดไข้หวัดมักจะเป็นเชื้อไวรัสชนิดที่ไม่รุนแรง อาการของไข้หวัดช่วงแรกๆ (2-3 วัน) อาจจะทำให้คุณรู้สึกแย่หน่อย แต่หลังจากนั้นอาการจะทุเลาลง ซึ่งโรคไข้หวัดจะมีอาการอยู่ประมาณ 1-2 สัปดาห์
อาการของโรคไข้หวัดเป็นอย่างไร
อาการของโรคไข้หวัด จะมีอาการ น้ำมูกไหล ไอ จาม มีอาการคัดจมูก ปวดศีรษะ และมีอุณหภูมิสูงขึ้นประมาณ 37 ถึง 39 องศาเซลเซียส สำหรับอาการอื่นที่อาจพบร่วมด้วยเมื่อเป็นโรคนี้ ได้แก่ มีอาการปวดหู รู้สึกระคายเคืองที่ดวงตา ปวดเมื่อยตามร่างกาย เป็นต้น
อาการที่เกิดขึ้นจะมีความรุนแรงมากที่สุดในช่วง 3 วันแรก หลังจากนั้นอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นจนหายเป็นปกติ โดยปกติแล้วโรคไข้หวัดจะมีระยะเวลาอยู่ที่ประมาณ 2 อาทิตย์จึงจะหาย
ถึงแม้จะเป็นโรคที่ดูเหมือนไม่อันตราย แต่ยังมีอาการเหล่านี้ที่ถือว่าเป็นอันตรายและต้องรีบพบแพทย์ในทันที
อาการในผู้ใหญ่ มีไข้สูงตั้งแต่ 38.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป เป็นเวลาตั้งแต่ 5 วันขึ้นไป มีปัญหาเรื่องการหายใจ เมื่อหายไข้แล้วก็วนกลับมามีอาการอีก และมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง
อาการในเด็ก เมื่อมีไข้สูงตั้งแต่ 38 องศาเซลเซียสขึ้นไปในเด็กเล็ก ต่อเนื่องตั้งแต่ 2 วันขึ้นไป หรืออาการไม่ดีขึ้น หายใจมีเสียง ไม่อยากอาหาร มีอาการปวดศีรษะ และไออย่างรุนแรง
การป้องกันโรคไข้หวัดและโรคไข้หวัดใหญ่
- หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับคนที่ป่วยเป็นไข้หวัด
- ล้างมือให้สะอาดบ่อยๆ
- หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้าของตนเองโดยไม่จำเป็น
- ดูแลร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ ด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ถูกหลักอนามัย และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- โรคไข้หวัดใหญ่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน ปัจจุบัน เด็กสามารถฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป โดยเฉพาะสำหรับเด็กและผู้สูงอายุ ตลอดจนกลุ่มเสี่ยงที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น
อ่านเพิ่มเติม: 9 สัญญาณเตือน โรคไข้เลือดออก ภัยร้ายหน้าฝน!
ทำไม? ตากฝนจึงเป็นหวัด / ไม่สบาย
เมื่อฝนตก จะมีลมฝนซึ่งมักจะพัดละอองฝนมาสู่ตัวเรา และในละอองฝนนั้นมีเชื้อไวรัสและแบคทีเรียที่มากับอากาศเจือปนอยู่ ซึ่งแพร่กระจายเร็วมากในหน้าฝน
ไวรัสและแบคทีเรียเหล่านี้ก็จะเคลื่อนไหวเร็วและเจริญเติบดตอย่างรวดเร็วในสภาพอากาศที่ชื้น เมื่อร่างกายเราได้รับไวรัสและแบคทีเรียพวกเข้าไปโดยไม่รู้ตัว ก็จะส่งผลให้เป็นไข้หวัดได้ และ ไม่สบายได้
โรคอัยตรายที่มากับหน้าฝน
โรคไข้เลือดออก
เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี (dengue virus) โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค ผู้ป่วยจะมีไข้สูง 2-7 วัน หลังไข้ลดลงอาจมีเลือดออกตามอวัยวะต่างๆ หรือมีอาการช็อคได้ ซึ่งเป็นช่วงอันตราย ควรรีบมาโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษา
โรคปอดบวม
โรคปอดบวม ปอดอักเสบ คือ ภาวะติดเชื้อในปอด ซึ่งอาจจะเป็นข้างเดียวหรือทั้งสองข้างก็ได้ ทั้งนี้ เนื่องจากในถุงลมปอดอาจมีของเหลวหรือหนองคั่งสะสม มีเสมหะสีเขียวเหลือง มีไข้หนาวสั่น และหายใจลำบากร่วมด้วย
โรคอีสุกอีใส
เป็นโรคติดต่อผ่านทางลมหายใจ ไอ จาม การสัมผัสกับผู้ป่วยหรือใช้ของร่วมกัน เกิดจากเชื้อไวรัสวาริเซลลา (Varicella virus) สามารถเป็นได้ทุกเพศทุกวัย
โรคมือ เท้า ปาก
เป็นโรคที่พบบ่อยในเด็กเล็กโดยเฉพาะช่วงหน้าฝน เกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่มเอนเทอโร Enterovirus 71 (EV71) Coxasackie Virus
ส่งผลให้มีอาการเป็นไข้ เป็นแผลในปาก มีตุ่มน้ำใสตามฝ่ามือ ฝ่าเท้า และลำตัว ถือได้ว่าเป็นโรคที่สร้างความกังวลใจให้กับคุณพ่อคุณแม่อยู่ไม่น้อย
โรคมือ เท้า ปาก สามารถพบในผู้ใหญ่ได้เช่นกัน แต่จะพบได้น้อยกว่า และอาการมักจะไม่รุนแรงเท่าในเด็กเล็ก
อ่านเพิ่มเติม: 5 วิธี เตรียมความพร้อม ดูแลสุขภาพช่วงหน้าฝน
วิธีดูแลสุขภาพช่วงหน้าฝน
1. ออกกำลังกายเป็นประจำ
เพราะจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ทำให้จิตใจเบิกบานแจ่มใส เพิ่มภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย และการออกกำลังกายยังช่วยป้องกันโรคหัวใจ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตสูงสุดอันดับสองในประเทศไทยอีกด้วย
2. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ปรุงสุกสะอาด
เลือกทานผักผลไม้ที่มีวิตามินซี ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย และทานอาหารที่ปรุงสุกสะอาด เพื่อหลีกเลี่ยนพยาธิที่อาจแฝงมากับอาหารที่ไม่สุก เพราะหากเผลอรับประทานไปอาจทำให้ท้องเสียได้
3. ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 1.5 ลิตร
รักษาสมดุลของร่างกาย เพิ่มการไหลเวียนโลหิต และการดื่มน้ำยังช่วยชำระล้างของเสียภายในร่างกาย และกระตุ้นการขับถ่าย เมื่อดื่มน้ำอย่าถูกวิธีและดื่มในปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวันก็จะช่วยควบคุมน้ำหนักได้อีกด้วย
อ่านเพิ่มเติม: 5 เทคนิคดื่มน้ำอย่างไรให้น้ำหนักลด!
4. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
ควรนอนหลับพักผ่อนอย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
5. เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม
ในช่วงหน้าฝนควรพกร่ม เสื้อกันฝนไว้สวมใส่ในช่วงเวลาฝนตก เพื่อให้ร่างกายไม่อับชื้น
6. ข้อควรปฏิบัติหลังเปียกฝน
หากเปียกฝน ควรรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที เพื่อให้ร่างกายเกิดความอบอุ่น ลดความเสี่ยงต่ออาการปอดบวม หรือโรคผิวหนัง
สรุปคือ โรคไข้หวัดเกิดจากเชื้อไวรัส ดังนั้น เวลาฝนตก น้ำฝน ไม่สามารถทำให้เป็นหวัดได้ แต่ในเวลาที่ฝนตก จะมีทั้งลมทั้งฝน ช่วงเวลานี้อาจพัดพาเชื้อไวรัสมาในอากาศมาสู่ตัวเราได้
เพราะฉะนั้นฝนตก น้ำฝนไม่ได้ทำให้เราเป็นหวัดหรือไม่สบาย แต่เชื้อไวรัสที่พัดมากับฝนต่างหากที่เป็นตัวก่อให้เกิดไข้หวัด
ตอนนี้เริ่มเข้าสู่หน้าฝนแล้ว อยากฝากให้ทุกคนดูแล รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และ พกร่มเสื้อกันฝนไว้สวมใส่ในช่วงเวลาฝนตก เพื่อให้ร่างกายไม่อับชื้น
แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเพิ่มความอุ่นใจให้ตัวเรามากขึ้น เพราะหน้าฝนเป็นช่วงที่ฝนตกหนักเป็นระยะเวลานานหลายเดือน นอกจากเรื่องดูแลสุขภาพ การมีประกันสุขภาพดีๆ สักฉบับก็เป็นอีกอย่างที่จำเป็นไม่น้อย
เพราะประกันสุขภาพจะช่วยเพิ่มความคุ้มครองยามเจ็บป่วยกระทันหัน และมีตัวช่วยเรื่องค่ารักษาพยาบาลในแต่ละครั้งของการเจ็บป่วย ถ้าสนใจทำประกันสุขภาพ หรืออยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ทัก SMILE INSURE มาได้เลย