ไขข้อข้องใจ! เคลมสีรถรอบคันทีเดียวดีไหม? ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มหรือเปล่า?
เคลมสีรถรอบคันทีเดียวดีไหม? ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มหรือเปล่า?
เวลาที่รถยนต์เกิดรอยขีดข่วนจนสีถลอก ทั้งแบบไม่มีคู่กรณี และไม่สามารถระบุตัวตนของคู่กรณีได้ เชื่อว่าคนมีประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 คงจะไม่หนักใจสักเท่าไหร่
เพราะสามารถเคลมได้สบายมาก แต่การจะนำรถไปเข้าอู่เป็นสัปดาห์ หรือนานเป็นเดือน อาจจะไม่สะดวกสบายกับการใช้ชีวิต
การเคลมประกันรถคืออะไร?
การเคลมประกันรถ คือ การนำรถคันที่ประสบอุบัติเหตุ และตรงตามเงื่อนไขของประกันรถยนต์ที่ทำไว้ ไปซ่อมที่ศูนย์บริการในเครือข่ายของบริษัทประกัน โดยแบ่งได้เป็น 2 รูปแบบ คือ
เคลมสด
เป็นการเคลมประกันที่ให้เจ้าหน้าที่บริษัทประกันภัยมาตรวจสอบรายละเอียดของอุบัติเหตุ ณ สถานการณ์นั้นๆ แบบทันที
มักจะใช้ในกรณีที่เกิดอุบัติหนัก เช่น ขับชนรุนแรงจนไม่สามารถใช้รถต่อได้ คู่กรณีบาดเจ็บ หรือเงื่อนไขประกับรองรับแค่เหตุที่เกิดแบบมีคู่กรณี เป็นต้น
เคลมแห้ง
เป็นการเคลมประกันที่อุบัติเหตุได้ผ่านไปแล้ว แต่ผู้เอาประกันเพิ่งแจ้งเคลมภายหลัง (ยังอยู่ในช่วงเวลาของกรมธรรม์) นิยมใช้กับอุบัติเหตุเล็กน้อยที่ไม่มีคู่กรณีหรือหาคู่กรณีไม่ได้ และรถไม่เสียหายมาก เช่น ชนกำแพง เป็นรอยขีดข่วนจากต้นไม้ เป็นต้น
แต่ใช่ว่ารถยนต์ทุกคันจะเคลมแห้งแบบไร้คู่กรณีได้ เพราะประกันภัยชั้น 2 และประกันภัยชั้น 3 บางแบบแผน จะคุ้มครองเฉพาะเหตุการณ์ที่มีคู่กรณีเท่านั้น ก่อนทำประกันจึงควรศึกษาเงื่อนไขต่างๆ ให้ดีก่อน
ดังนั้น จึงมีวิธีที่นิยมทำกันคือ ถ้ารอยแผลรถไม่ใหญ่มากหรือลึกเกินไป ให้เก็บสะสมรอยแผลเอาไว้ก่อน แล้วรอเคลมสีรอบคันครั้งใหญ่ในช่วงที่ว่างยาวๆ ทีเดียว
วิธีนี้จะทำให้คนมีรถสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างสบายใจ เพราะใช้รถได้ตามปกติ แต่สิ่งที่หลายคนอาจยังไม่รู้
อ่านเพิ่มเติม: How to เคลมประกัน เรื่องสำคัญที่มือใหม่ต้องรู้
โดยเฉพาะกับคนเพิ่งเคยมีรถคันแรก หรือไม่เคยเคลมประกันรถมาก่อนเลย คือวิธีนี้จะได้แต่ความสะดวกสบาย แต่อาจไม่ใช่ทางเลือกที่คุ้มค่า ทำไมถึงเป็นแบบนั้น?
เคลมสีรอบคันกับประกันรถยนต์ได้ไหม
เมื่อเกริ่นว่าการรอเคลมสีรอบคันในครั้งเดียวอาจไม่ใช้ทางเลือกที่คุ้มค่า หลายคนคงสงสัย ว่ามันเป็นเพราะผิดกฎหรือข้อบังคับอะไรหรือเปล่า
แต่จริงๆ แล้วมันไม่ได้ผิดกฎข้อบังคับอะไร การเคลมสีรอบคันกับประกันรถยนต์ชั้น 1 ทั้งแบบไม่มีคู่กรณีและไม่สามารถระบุตัวตนของคู่กรณีได้ เป็นสิ่งที่ทำได้
อ่านเพิ่มเติม: เรื่อง เคลม เคลม ที่มากับฝน
เพราะการเคลมเป็นสิทธิพื้นฐานของผู้เอาประกัน ตราบใดที่ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย เช่น เมาแล้วขับ ไม่มีใบขับขี่ ใช้รถผิดประเภท ใช้รถเพื่อกระทำสิ่งผิดกฎหมาย เป็นต้น แต่ความไม่คุ้มค่าอาจเกิดขึ้นเมื่อต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก ซึ่งหลายคนอาจไม่รู้
‘ค่าเสียหายส่วนแรก’ ความไม่คุ้มค่าที่แฝงมากับการเคลม
ถึงแม้ว่าการเคลมสีรอบคันจะทำได้ และเป็นตัวช่วยดีๆ ที่ทำให้ไม่ต้องเสียเวลานำรถเข้าอู่ แต่มันอาจไม่ได้คุ้มค่าในเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะการเคลมสีรอบคันจะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกมากกว่าการเคลมเป็นครั้งๆ
ค่าเสียหายส่วนแรก (Excess) คือ ค่าเสียหายที่ผู้เอาประกันจะต้องรับผิดชอบร่วมกับบริษัทประกันภัยรถยนต์ ในทุกครั้งที่เกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี หรือไม่สามารถระบุตัวตนของคู่กรณีได้ (ไม่สามารถแจ้งถึงสาเหตุของร่องรอยได้)
ไม่ว่าจะเป็นประกันชั้นไหนก็ตาม โดยส่วนใหญ่ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาทขึ้นไปต่อครั้งที่เคลม (ขึ้นอยู่กับความหนักเบาของรอย และเงื่อนไขตามที่ตกลงกับบริษัทประกัน)
แต่เมื่อไหร่ที่เก็บรอยแผลไว้เยอะ ๆ แล้วนำไปเคลมรอบคันทีเดียว หรือที่เรียกว่าการเคลมแห้ง ค่าเสียหายส่วนแรกจะถูกคิดตามรอยแผลที่เกิดขึ้น แทนการคิดเป็นครั้งเช่น เช่น ปกติค่าเสียหายส่วนแรกอยู่ที่ 1,000 บาทต่อครั้ง
แต่ถ้าเก็บรอยแผลรถไว้ 3 จุด แล้วไปเคลมสีรอบคันทีเดียว จะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกมากถึง 3,000 บาท เป็นต้น
อ่านเพิ่มเติม: 5 ข้อ อยากเคลมรอบคันต้องรู้!
เห็นได้ชัดเลยว่าการรอเคลมสีรถรอบคันไม่ได้อ่อนโยนต่อกระเป๋าสตางค์และเงินในบัญชีสักเท่าไหร่ จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมมันเป็นทางเลือกที่สะดวก แต่อาจจะไม่คุ้มค่ากับบางกรณี
สรุปแล้วเคลมสีรอบคันดีหรือไม่ดี
การเคลมสีรอบคันจะดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้ใช้รถเป็นหลัก ถ้าจำเป็นต้องใช้รถทุกวัน และมั่นใจว่าจะระมัดระวังให้รถจะไม่เกิดรอยแผลขึ้นอีก ก่อนกรมธรรม์หมดอายุ การจะรอไว้เคลมสีรอบคันคงจะดีที่สุด
แต่ถ้ารถมี 1 แผลแล้ว และไม่มั่นใจว่าในอนาคตจะเกิดรอยแผลขึ้นขณะที่ผู้ขับขี่ไม่อยู่ในเหตุการณ์อีกหรือไม่ การทยอยเคลมไปทีละแผลจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกเป็นเงินก้อนใหญ่
ทั้งนี้ การเคลมแห้งบ่อยเกินไปก็อาจทำให้เสียประวัติได้ ซึ่งจะมีผลกับการทำประกันครั้งต่อไป เช่น ต้องจ่ายเบี้ยสูงขึ้น บริษัทเดิมไม่รับทำประกันอีก เป็นต้น
ดังนั้นควรช่างน้ำหนักให้ดีว่าพฤติกรรมการขับขี่ของเหมาะสมกับวิธีไหน และควรระมัดระวังในการนำรถไปจอดในที่ต่างๆ ให้มากขึ้น
4 ขั้นตอนแจ้งเคลมสีรถรอบคัน
สำหรับผู้มีประกันชั้น 1 ที่ต้องการรอเคลมสีรอบคันทีเดียว จะต้องใช้วิธีการแจ้งเคลมแห้ง ดังนี้
- แจ้งเรื่องเคลมกับบริษัทประกัน และเตรียมเอกสารสำคัญ ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชนของผู้เอาประกัน ใบขับขี่หรือสำเนา เล่มทะเบียนรถยนต์หรือสำเนา กรมธรรม์ประกันภัยหรือสำเนา รวมถึงรูปถ่ายความเสียหายที่บันทึกเวลาและสถานที่ไว้อย่างชัดเจน (ถ้ามี)
- จ่ายค่าเสียหายส่วนแรก (Excess) ตามที่ตกลงกัน
- รอเจ้าหน้าที่ประเมินความเสียหายของรถยนต์และออกเอกสารการเคลมให้
- นำรถเข้าอู่ในวัน-เวลาที่สะดวก
แค่เพียงเท่านี้ รถของคุณก็จะกลับมาสวยเหมือนเดิมแล้ว ซึ่งทั้งหมดจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าผู้ขับขี่ไม่ทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ไว้ก่อน
เพราะแม้จะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกบ้าง แต่ต้องยอมรับเลยว่ามันช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้มากทีเดียว ดังนั้นอย่าลืมทำประกันรถต่อเนื่องทุกปี เพื่อเพิ่มความสบายใจในทุกวันที่ใช้รถ