ประกันรถไฟฟ้า ชั้น 1 คุ้มครองครบ ตอบโจทย์ผู้ใช้ EV

ประกันชั้น 1 รถไฟฟ้า ครอบคลุมอะไรบ้าง?
ประกันชั้น 1 สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมเหมือน กับประกันชั้น 1 ของรถยนต์ทั่วไป แต่จะเพิ่มความคุ้มครองพิเศษที่ตอบโจทย์ลักษณะเฉพาะของรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ โดยหลักๆ จะครอบคลุมเรื่องดังต่อไปนี้
ประกันรถ EV ช่วย SAVE ค่าซ่อมที่บานปลาย!
ความคุ้มครองพื้นฐานที่เหมือนกับรถยนต์ทั่วไป
- ความเสียหายต่อตัวรถยนต์: คุ้มครองทั้งการชนแบบมีคู่กรณีและไม่มีคู่กรณี รวมถึงกรณีรถพลิกคว่ำหรือตกข้างทาง
- รถยนต์สูญหายหรือไฟไหม้: คุ้มครองในกรณีที่รถถูกขโมย หรือเกิดเหตุไฟไหม้
- ภัยธรรมชาติ: คุ้มครองความเสียหายจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว ลมพายุ และลูกเห็บ
- ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก: ครอบคลุมค่าเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของคู่กรณีหรือบุคคลภายนอก
- อุบัติเหตุส่วนบุคคลและค่ารักษาพยาบาล: คุ้มครองผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่อยู่ในรถคันเอาประกันภัย
- การประกันตัวผู้ขับขี่: ให้ความคุ้มครองในกรณีที่ผู้ขับขี่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาจากอุบัติเหตุ
ความคุ้มครองเพิ่มเติมสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า
- แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า: เป็นส่วนที่แพงที่สุดของรถยนต์ EV จึงได้รับความคุ้มครองเป็นพิเศษในกรณีที่เสียหายจากอุบัติเหตุ ไฟไหม้ หรือภัยธรรมชาติ โดยความคุ้มครองจะขึ้นอยู่กับอายุการใช้งานแบตเตอรี่
- เครื่องชาร์จ (EV Charger) และสายชาร์จ: คุ้มครองความเสียหายหรือสูญหายของอุปกรณ์ชาร์จทั้งที่ติดมากับรถและที่ติดตั้งเองที่บ้าน
- ความรับผิดต่อบุคคลภายนอกจากการชาร์จ: คุ้มครองความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับบุคคลภายนอกในระหว่างการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน: บริษัทประกันมักจะมีบริการพิเศษสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เช่น บริการลากจูงรถเมื่อแบตเตอรี่หมดกลางทาง
อ่านเพิ่มเติม : ทำประกันชั้น 1 รถ EV คุ้มค่าแค่ไหน? | SMILE INSURE
ข้อดีของการทำ ประกันชั้น 1 รถยนต์ไฟฟ้า
ครอบคลุมอุปกรณ์ชาร์จ (Wallbox) และสายชาร์จ
บางบริษัทประกันภัยได้เพิ่มความคุ้มครองพิเศษสำหรับอุปกรณ์ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ติดตั้งที่บ้าน (Wallbox) และสายชาร์จที่มาพร้อมกับรถ ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้มีราคาสูง การที่ประกันภัยครอบคลุมความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ ไฟไหม้ หรือการโจรกรรม จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายได้มาก
บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน (Roadside Assistance)
ประกันชั้น 1 มักมาพร้อมกับบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เช่น บริการลากรถไปยังสถานีชาร์จที่ใกล้ที่สุด หรือการให้คำแนะนำเบื้องต้นเมื่อรถมีปัญหา ช่วยให้คุณอุ่นใจได้ในทุกการเดินทาง
อ่านเพิ่มเติม : เดินข้างถนนแล้วรถชนเบิก พ.ร.บ. ได้ไหม? | SMILE INSURE
ความคุ้มครองความเสียหายต่อคู่กรณีและบุคคลภายนอก
แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจนไปสร้างความเสียหายให้แก่รถยนต์คันอื่นหรือบุคคลภายนอกได้ ซึ่งประกันชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองในส่วนนี้อย่างเต็มที่ ทำให้คุณไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นด้วยตัวเอง
การซ่อมแซมโดยศูนย์บริการมาตรฐาน
การทำประกันชั้น 1 กับบริษัทประกันภัยที่มีความเชี่ยวชาญด้านรถยนต์ไฟฟ้า จะทำให้มั่นใจได้ว่ารถของคุณจะได้รับการซ่อมแซมจากศูนย์บริการมาตรฐานหรืออู่ในเครือที่มีความชำนาญในการซ่อมแซมรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ซึ่งจะช่วยให้รถของคุณกลับมาอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด
ความคุ้มครองจากภัยก่อการร้ายและจราจล
ในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น การก่อการร้ายหรือการชุมนุมประท้วงที่นำไปสู่เหตุจลาจล ประกันชั้น 1 บางบริษัทประกันอาจให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดกับรถยนต์ของคุณจากเหตุการณ์เหล่านี้ด้วย
ความแตกต่างระหว่าง ประกันรถยนต์ไฟฟ้าชั้น 1 กับรถยนต์สันดาป
ประกันรถยนต์ไฟฟ้าชั้น 1 และประกันรถยนต์สันดาป (รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน) มีความแตกต่างกันในหลายประเด็น แม้ว่าโดยพื้นฐานแล้วประกันชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากที่สุดเหมือนกัน แต่ก็มีรายละเอียดเฉพาะที่แตกต่างกันไปตามประเภทของรถ ดังนี้
1. ความคุ้มครอง
รถยนต์ไฟฟ้า ประกันชั้น 1 สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าจะมีความคุ้มครองเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าโดยเฉพาะ เช่น
- แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า เป็นส่วนที่สำคัญและมีราคาสูงที่สุดของรถยนต์ไฟฟ้า ประกันชั้น 1 จะคุ้มครองความเสียหายของแบตเตอรี่จากอุบัติเหตุ ไฟไหม้ น้ำท่วม หรือภัยธรรมชาติ บางกรมธรรม์อาจมีเงื่อนไขเรื่องค่าเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ที่แตกต่างกันไป
- อุปกรณ์ชาร์จ (Wall Charger) บางกรมธรรม์อาจคุ้มครองความเสียหายของเครื่องชาร์จรถยนต์ที่บ้าน รวมถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นขณะชาร์จ
รถยนต์สันดาป: ประกันชั้น 1 สำหรับรถยนต์สันดาปจะคุ้มครองความเสียหายที่เกี่ยวข้องกับเครื่องยนต์และชิ้นส่วนต่างๆ ของรถยนต์ตามปกติ
อ่านเพิ่มเติม : ประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง? | SMILE INSURE
2. เบี้ยประกัน
รถยนต์ไฟฟ้า โดยทั่วไปแล้ว เบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้ามักจะสูงกว่ารถยนต์สันดาปในรุ่นที่มีราคาใกล้เคียงกัน เนื่องจาก
- ราคาอะไหล่และค่าซ่อมแพง: โดยเฉพาะแบตเตอรี่และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่มีราคาสูงมากและต้องใช้ช่างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
- จำนวนศูนย์ซ่อมและอู่ซ่อมมีจำกัด: การซ่อมรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะทำได้แค่ที่ศูนย์บริการของรถยนต์ยี่ห้อนั้นๆ เท่านั้น ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายสูงกว่าการซ่อมที่อู่ทั่วไป
รถยนต์สันดาป เบี้ยประกันจะอยู่ในระดับมาตรฐาน มีตัวเลือกการซ่อมที่หลากหลายกว่า ทั้งศูนย์บริการและอู่ทั่วไป
อ่านเพิ่มเติม : อัปเดตค่าเบี้ยประกันรถยนต์ 2025 เบี้ยใหม่ มาแรง! | SMILE INSURE
3. ทุนประกัน
รถยนต์ไฟฟ้า ทุนประกันของรถยนต์ไฟฟ้าบางครั้งอาจน้อยกว่ารถยนต์สันดาปที่มีราคาใกล้เคียงกัน เนื่องจากบริษัทประกันพิจารณาถึงมูลค่าตลาดของรถยนต์ไฟฟ้าที่อาจลดลงเร็วกว่า รวมถึงต้นทุนของแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานจำกัด
รถยนต์สันดาป ทุนประกันมักจะสอดคล้องกับมูลค่ารถตามตลาดทั่วไป
4. การระบุผู้ขับขี่
รถยนต์ไฟฟ้า ตามเกณฑ์ใหม่ของ คปภ. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย) สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า จะมีการกำหนดให้ต้องระบุชื่อผู้ขับขี่ในกรมธรรม์ ซึ่งสามารถระบุได้สูงสุด 5 คน หากผู้ขับขี่ไม่ได้อยู่ในรายชื่ออาจต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรก (Excess) ในกรณีที่เป็นฝ่ายผิด
รถยนต์สันดาป ประกันชั้น 1 แบบทั่วไปสามารถทำแบบไม่ระบุชื่อผู้ขับขี่ได้ แต่ในอนาคตสำหรับรถยนต์ป้ายแดง
( อายุไม่เกิน 1 ปี ) จะเริ่มบังคับระบุชื่อผู้ขับขี่ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 268
การเลือก ประกันรถยนต์ชั้น 1 สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ไม่ใช่แค่เรื่องของ “ความคุ้มครอง” แต่คือการลงทุนใน ความมั่นใจทุกการเดินทาง เพราะนอกจากจะช่วยรองรับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมอันคาดไม่ถึงแล้ว ยังมอบความสบายใจให้คุณได้ขับขี่อย่างไร้กังวล
หากคุณสนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนประกันของรถยนต์ไฟฟ้า สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02-233-9999 (ทุกวัน เวลา 09.00–18.00 น.) หรือเพิ่มเพื่อนทางไลน์ @smileinsure