10 วิธี ขับรถตอนฝนตกให้ปลอดภัย
ช่วงเข้าฤดูฝนหลายคนคงเคยเผชิญกับสถานการณ์เหล่านี้บนท้องถนนในการขับรถที่สภาพอากาศฝนตกนั้นถือเป็นความอันตรายไม่ควรมองข้าม
เพราะสภาพถนนลื่น มีน้ำขัง และทัศนวิสัยที่ลดลง ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจนำไปสู่อุบัติเหตุได้ง่าย
ดังนั้น การรู้วิธีขับรถอย่างปลอดภัยในสภาพอากาศเปียกชื้นจึงมีความสำคัญอย่างมาก บทความนี้จึงขอแนะนำ 10 วิธีขับรถตอนฝนตกให้ปลอดภัย เพื่อช่วยให้คุณและผู้ร่วมทางเดินทางถึงจุดหมายอย่างปลอดภัยมากขึ้นเมื่อต้องเผชิญกับสภาพอากาศฝนตก
10 วิธี ขับรถตอนฝนตกให้ปลอดภัย
1. ตรวจสอบสภาพรถให้พร้อม
ก่อนออกเดินทางทุกครั้ง ควรตรวจสอบสภาพรถให้พร้อม โดยเฉพาะระบบเบรก ยางรถ กระจก ไฟสัญญาณ ใบปัดน้ำฝน น้ำมันเครื่อง น้ำกลั่น ลมยาง และดอกยาง ให้แน่ใจว่ายางมีดอกยางเพียงพอ ไฟเลี้ยวและไฟเบรก ใช้งานได้อย่างสมบูรณ์
อ่านเพิ่มเติม: 5 วิธีแก้กลิ่นอับในรถยนต์ หลังขับลุยนํ้า
นอกจากนี้ ควรตรวจสอบใบปัดน้ำฝนให้อยู่ในสภาพดีเช่นกันตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกอย่างอยู่ในสภาพดีและพร้อมใช้งาน
2. ลดความเร็ว
ลดความเร็วลงอย่างพอเหมาะเมื่อขับบนถนนเปียก ความเร็วที่ต่ำกว่าปกติจะช่วยให้คุณควบคุมรถได้ง่ายขึ้น และมีระยะการหยุดรถที่สั้นลง นอกจากนี้ จงรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติด้วย
เพราะฝนตก ถนนลื่น การขับขี่ด้วยความเร็วสูงอาจทำให้สูญเสียการควบคุมรถได้ง่าย ควรลดความเร็วลงอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะเมื่อขับบนถนนที่เปียกหรือมีน้ำขัง
3. เว้นระยะห่าง
การเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติเป็น 2 เท่า จะช่วยให้มีเวลาเพียงพอในการเบรกเมื่อจำเป็น ป้องกันการชนท้าย
4. เปิดไฟ
เปิดไฟหน้า ไฟต่ำ และไฟตัดหมอก (ถ้ามี) เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการมองเห็นและให้รถคันอื่นมองเห็นเราได้ชัดเจน
5. หลีกเลี่ยงการแซงและเบรกกระทันหัน
ฝนตก ถนนลื่น การแซงอาจเป็นอันตรายได้ ควรหลีกเลี่ยงการแซงรถคันหน้าจนกว่าจะปลอดภัย
และหลีกเลี่ยงการเบรกกะทันหัน การเบรกอย่างแรงบนพื้นถนนลื่นอาจทำให้ล้อหมุนฟรีและรถเสียการควบคุมได้ง่าย ให้เบรกอย่างนุ่มนวลและค่อยเป็นค่อยไป
6. ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อผ่านจุดอันตราย
จุดอันตราย เช่น ทางโค้ง ทางลาดชัน สะพาน ควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
7. ระวังน้ำท่วม
หลีกเลี่ยงการขับขี่ผ่านบริเวณที่มีน้ำท่วม เพราะอาจทำให้รถเสียหรือเกิดอันตรายได้
8. ใช้เกียร์ต่ำ
การใช้เกียร์ต่ำจะช่วยเพิ่มแรงบิดของเครื่องยนต์ ช่วยให้ควบคุมรถได้ดีขึ้นบนถนนลื่น
9. ไม่ควรใช้เบรกมือ
การใช้เบรกมือขณะจอดรถบนถนนลื่น อาจทำให้ล้อล็อกและเกิดอันตรายได้ ควรใช้เบรกเท้าแทน
10. ใจเย็น
การขับขี่ด้วยความใจเย็น อดทน และมีสติ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้
คำแนะนำเพิ่มเติมเมื่อต้องขับรถขณะฝนตก
- ควรติดตั้งเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งที่ขับขี่
- ไม่ควรใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับขี่
- พักผ่อนให้เพียงพอก่อนออกเดินทาง
การขับรถตอนฝนตกต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ การปฏิบัติตาม 10 วิธีข้างต้น จะช่วยให้คุณขับขี่บนถนนได้อย่างปลอดภัย ถึงจุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ
ทำไมหน้าฝนยิ่งควรทำประกันรถยนต์
เพราะการทำประกันรถยนต์ในช่วงหน้าฝนถือเป็นการเตรียมพร้อมที่ดี เพื่อคุ้มครองความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากสภาพอากาศในช่วงนี้ ซึ่งมีข้อควรพิจารณาดังนี้
ประเภทของประกันรถยนต์
- ประกันภัยชั้น 1 (ซ่อมผ่าน บริษัทประกัน) คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถเอง และความรับผิดต่อบุคคลภายนอก
- ประกันภัยชั้น 2 (ซ่อมศูนย์ บริษัทจ่ายค่าแรงเต็มจำนวน) ให้ความคุ้มครองเพิ่มเติมจากชั้น 1
- ประกันภัยชั้น 3 (ซ่อมศูนย์ บริษัทจ่ายค่าแรงและอะไหล่เต็มจำนวน) ให้ความคุ้มครองสูงสุด
ความคุ้มครองสำหรับประกันรถยนต์
- การจมน้ำ หรือน้ำท่วม ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยในช่วงนี้
- อุบัติเหตุจากการลื่นไถลบนถนนลื่น
- ความเสียหายจากลูกเห็บตก หรือวัสดุปกคลุมถนนหลุดลอย
สาระสำคัญเกี่ยวกับการทำประกันรถยนต์ในช่วงหน้าฝน
1. ควรเลือกประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองเหมาะสมกับความเสี่ยงในช่วงฤดูฝน เช่น ความเสียหายจากน้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก การลื่นไถลบนถนนลื่น เป็นต้น
อ่านเพิ่มเติม: จริงหรือไม่? ขับขี่ปลอดภัยไร้การเคลม ทําให้ค่าเบี้ยถูกลง
2. พิจารณาเลือกระดับความคุ้มครองที่เหมาะสม ตั้งแต่ประกันภัยชั้น 1 ซ่อมผ่านบริษัทประกัน จนถึงชั้น 3 ซ่อมศูนย์บริษัทจ่ายค่าแรงและอะไหล่เต็มจำนวน
3. สำรวจเส้นทางการใช้งานรถ หากอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยธรรมชาติ อาจต้องเพิ่มความคุ้มครองพิเศษ บำรุงรักษารถให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และขับขี่อย่างระมัดระวังเพื่อลดความเสี่ยง
4. ศึกษาและเปรียบเทียบข้อเสนอ เงื่อนไข และรายละเอียดกรมธรรม์จากบริษัทประกันหลายแห่ง
5. ข้อดีของการทำประกันรถยนต์ ได้แก่ ลดภาระค่าใช้จ่ายหากเกิดอุบัติเหตุ สร้างความมั่นใจ เป็นไปตามกฎหมาย ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว เพิ่มมูลค่ารถ และได้รับบริการเสริม
การทำประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองเหมาะสมในช่วงหน้าฝนจะช่วยลดความกังวลจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และคุณจะมั่นใจได้ว่ามีความปลอดภัยมากขึ้นบนท้องถนนในสภาพอากาศเปียกชื้น