จริงหรือไม่? ขับขี่ปลอดภัยไร้การเคลม ทําให้ค่าเบี้ยถูกลง
การทำประกันรถยนต์จะเป็นตัวช่วยในการคุ้มครองรถ แต่การจ่ายค่าเบี้ยประกันรถยนต์ก็ถือว่าเป็นภาระค่าใช้จ่ายสำคัญประจำปี แต่ก็ยังมีวิธีที่สามารถช่วยให้คุณประหยัดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ได้
และสำหรับผู้ที่ต่อประกันภัยรถยนต์ตรงเวลาทุกปีและไม่เคยมีการเคลมแบบนี้จะส่งผลให้ค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ลดลงบ้างหรือไม่? มาดูกันที่บทความนี้
1. No Claim Bonus (ลูกค้าประวัติดีไม่มีการเคลม)
No Claim Bonus หรือ ส่วนลดเบี้ยประวัติดีที่ผู้เอาประกันจะได้เมื่อไม่มีประวัติด่างพร้อยเลย ซึ่งในปีแรกจะได้รับส่วนลด 20% และหากในปีถัดไปไม่มีการเคลม ทางบริษัทประกันจะเพิ่มส่วนลดให้ 10% ทุกๆ ปี จะได้รับส่วนลดสูงสุด 50%
ผู้ขับขี่ที่มีประวัติดี
- ขับขี่อย่างปลอดภัยและปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
- หลีกเลี่ยงการถูกจับปรับหรือเกิดอุบัติเหตุ
- ยิ่งมีประวัติการขับขี่ที่ดีนานเท่าไหร่ เบี้ยประกันของคุณก็จะยิ่งถูกลงเท่านั้น
อ่านเพิ่มเติม: เปรียบเทียบประกันรถยนต์แต่ละชั้น คุ้มต่างกันยังไง?
แต่ในกรณีที่มีการเคลมแต่ผู้เอาประกันเป็นฝ่ายถูกก็ยังจะได้รับส่วนลดเบี้ยประวัติดีอยู่ แต่ผู้เอาประกันก็สามารถเสียส่วนลดได้เช่นกัน ในกรณีที่มีการเคลมและผู้เอาประกันเป็นฝ่ายถูกแต่ทางบริษัทประกันไม่สามารถดำเนินการติดตามเรื่องค่าเสียหายจากคู่กรณีได้
อ่านเพิ่มเติม: จะต่ออายุประกันรถทั้งที ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง? มาดูกัน!
แต่ในขณะเดียวกัน หากปีที่ผ่านมามีประวัติการเคลม หรือประวัติการเกิดอุบัติเหตุจากการขับขี่ เกิดขึ้นบ่อยๆ แน่นอนว่าจะทำให้ค่าเบี้ยประกันรถยนต์ปีต่อไปของคุณสูงขึ้น
2. ทำประกันภัยรถยนต์ระบุผู้ขับขี่
การทำประกันรถยนต์แบบระบุชื่อผู้ขับขี่ (ผู้ที่มีใบอนุญาตขับขี่) สามารถทำให้บริษัทประกันภัยลดค่าเบี้ยประกันให้ถูกลงได้ เหมาะสำหรับผู้ใช้รถยนต์ของตัวเองเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่ได้มีการเปลี่ยนผู้ขับขี่บ่อย เพราะการระบุคนขับขี่จะเป็นปัจจัยในการลดค่าได้ โดยจะคำนวณจากช่วงอายุของผู้ขับขี่ดังนี้
- ช่วงอายุ ตั้งแต่ 18-24 ปี ได้ส่วนลด 5%
- ช่วงอายุ ตั้งแต่ 25-35 ปี ได้ส่วนลด 10%
- ช่วงอายุ ตั้งแต่ 36-50 ปี ได้ส่วนลด 15%
- ช่วงอายุ ตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ได้ส่วนลด 20%
จริงๆ แล้วผู้เอาประกันสามารถระบุชื่อผู้ขับในกรมธรรม์ได้ 2 คน และบริษัทประกันจะมอบส่วนลดตามอัตราที่ต่ำที่สุด เช่น หากระบุคนขับอายุ 22 และ 40 ปี ก็จะได้รับส่วนลดที่ 5% เป็นต้น
3. ทำ Deductible
เลือกจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก ในส่วนของค่า Deductible เป็นข้อตกลงที่ผู้เอาประกันจะร่วมรับผิดชอบค่าเสียหายบางส่วนกับบริษัทประกันรถ โดยทางบริษัทประกันจะระบุไว้ในกรมธรรม์อย่างชัดเจน
ในการเรียกเก็บค่าเสียหายส่วนแรกลักษณะนี้ทางบริษัทประกันจะเรียกเก็บในกรณีที่ผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิด
เช่น ปกติแล้วคุณจะต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยชั้น1 ปีละ 14,000 บาท แต่คุณตกลงกับบริษัทประกันว่าถ้าเกิดการเคลมจะจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก 5,000 บาท ค่าเบี้ยของเราก็จะลดไป 5,000 บาท เท่ากับว่าเราจะต้องจ่ายค่าเบี้ย 9,000 บาท
อ่านเพิ่มเติม: อุปกรณ์เสริมรถแบบไหน? ที่ประกันไม่คุ้มครอง!
แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นซึ่งคุณเป็นฝ่ายผิด มีค่าเสียหายทั้งหมด 10,000 บาท คุณต้องจ่ายค่าเสียหายเอง 5,000 บาท ส่วนอีก 5,000 บาท บริษัทประกันภัยจะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดเอง ทั้งนี้ เงื่อนไขขึ้นอยู่กับบริษัทประกันภัยกำหนด
4. เลือกประเภทการซ่อม
การเลือกซ่อมศูนย์ซ่อมรถยนต์ หรือเรียกสั้นๆ ว่าซ่อมห้างนั้น แน่นอนว่าจะทำให้ค่าเบี้ยประกันสูง เนื่องจากการซ่อมศูนย์นั้นมีมาตรฐานกว่า ค่าอะไหล่และค่าบริการนั้นก็จะมีราคาสูงกว่านั่นเอง แต่ถ้าหากคุณเลือกซ่อมอู่ เบี้ยประกันจะถูกกว่า ซึ่งข้อนี้ถือเป็นอีกปัจจัยที่มีผลต่อราคาค่าเบี้ยประกัน
5. การติดกล้องหน้ารถ
ในปี 2560 สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ออกกฎหมายกล้องหน้ารถขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ โดยสำหรับรถยนต์ ที่ติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ที่ติดตั้งกับรถยนต์ และให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 3 มีนาคม 2560 เป็นต้นไป
อ่านเพิ่มเติม: ติดกล้องหน้ารถ ลดค่าเบี้ยประกันได้เท่าไหร่?
โดยผู้ใช้รถยนต์ที่ติดตั้งกล้อง CCTV จะได้รับส่วนลดจากเบี้ยประกันภัยสำหรับการทำรถยนต์ภาคสมัครใจ 5-10% ของเบี้ยประกันภัยสุทธิ และส่วนลดนั้นสามารถดูได้ในช่องส่วนลดอื่นๆ ที่หน้าตารางกรมธรรม์ โดยที่ผู้จะใช้สิทธิ์ส่วนลดนี้มีสิ่งที่ควรรู้ ดังนี้
อ่านเพิ่มเติม: รถเกิดอุบัติเหตุ แต่ พ.ร.บ. หาย! แบบนี้เคลมประกันได้ไหม?
- ผู้เอาประกันภัยต้องแสดงหลักฐานภาพถ่ายการติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ที่ติดตั้งกับรถยนต์คันที่มีประกันภัย
- ผู้เอาประกันภัยต้องติดตั้งไว้ตลอดระยะเวลาเอาประกันภัย เมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้วประกันขอดูไฟล์วิดีโอ ผู้เอาประกันจะต้องมีให้ หากไม่มี อาจถูกยึดเงินค่าส่วนลดคืนได้
- ตัวคำสั่งไม่ได้มีการกำหนดราคาขั้นต่ำ หรือคุณสมบัติของกล้องเอาไว้ จึงนิยามว่าใช้ได้ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ ขอแค่เป็นกล้องติดรถยนต์
- สามารถใช้สิทธิ์ลดค่าเบี้ยกับประกันภาคสมัครใจได้ทุกประเภท แต่มูลค่าของส่วนลดอาจไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัท
- หากมีข้อสงสัย หรือทางบริษัทประกันปฏิเสธการให้ส่วนลด สามารถโทรติดต่อได้ที่สายด่วนคปภ. 1186
6. เลือกประกันภัยรถยนต์ที่ตอบโจทย์
หลังจากประเมินความต้องการของคุณแล้ว แนะนำให้ศึกษาข้อมูลเปรียบเทียบระหว่างบริษัทต่างๆ เพื่อหากรมธรรม์ที่ตอบโจทย์ได้ครอบคลุมทั้งความต้องการคุ้มครองและมูลค่าที่เหมาะสมที่สุด
สรุปคือการที่ผู้ใช้รถพฤติกรรมการขับขี่ที่ดี ปลอดภัยมีความระมัดระวัง จะช่วยลดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้เป็นอย่างมาก ทำให้ไม่มีประวัติการเกิดอุบัติเหตุจากการขับขี่
และส่งผลให้เบี้ยประกันภัยรถยนต์ถูกลง เนื่องจากไม่มีประวัติการเคลม ไม่เกิดอุบัติเหตุเลย หรือหากเคลมแต่ไม่ได้เป็นฝ่ายผิดผู้เอาประกันภัยก็จะได้รับส่วนลดเพิ่มเติมในการต่อเบี้ยประกันรถยนต์ในปีถัดไปอย่างแน่นอน