เปิดขั้นตอนต่อภาษีรถยนต์-รถจักรยานยนต์ ปี66 มีอะไรที่ควรรู้ก่อนต่อ?
การมีรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์หนึ่งคัน มาพร้อมความรับผิดชอบที่ต้องทำหลายอย่าง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “การต่อภาษีรถ” ที่ต้องทำทุกปี ปีละ 1 ครั้ง และมีความสำคัญไม่แพ้การทำประกันภาคบังคับ (พ.ร.บ.) และประกันภาคสมัครใจเลย
อย่างไรก็ตาม การต่อภาษีแค่ปีละ 1 ครั้ง อาจทำให้ใครหลายคนหลงลืมขั้นตอนกันไปแล้ว หรือกับคนเพิ่งเคยมีรถ ก็อาจไม่เคยรู้มาก่อนว่าต้องทำอะไรบ้าง? วันนี้เราเลยจะพามาทบทวนกันว่า การต่อภาษีรถยนต์และการต่อภาษีรถจักรยานยนต์นั้นมีขั้นตอนอย่างไร? และมีอะไรที่ทุกคนควรรู้ก่อนต่อภาษีปี 66 บ้าง?
ความสำคัญของการต่อภาษี
การต่อภาษีรถยนต์และการต่อภาษีรถจักรยานยนต์ เป็นสิ่งที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดให้ทุกคนที่มีรถต้องทำทุกปี เพื่อให้รถสามารถใช้งานต่อไปได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยเงินค่าภาษีนั้น จะถูกนำไปใช้ในการพัฒนาระบบขนส่งทางถนน และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้รถภายในประเทศ
ทั้งนี้ ถ้าใช้รถไม่ต่อภาษี จะมีโทษปรับ 2,000 บาท (ไม่รวมค่าปรับกรณีต่อภาษีล่าช้า)
ข้อควรรู้ก่อนต่อภาษีรถยนต์และรถจักรยานยนต์
ก่อนที่จะไปต่อภาษีปี 66 กัน เจ้าของรถควรรู้ก่อนว่าการต่อภาษีรถยนต์และรถจักรยานยนต์ มีข้อกำหนดอย่างไร เพื่อที่จะได้เตรียมตัวได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และไม่พลาดในจุดสำคัญบางอย่าง
1. การต่อภาษีรถยนต์และการต่อภาษีรถจักรยานยนต์ทำล่วงหน้าได้ไม่เกิน 3 เดือน หรือ 90 วันก่อนที่ภาษีเดิมจะหมดอายุ โดยดูได้จากที่ระบุบนป้ายภาษีรถ หรือเช็กที่ https://eservice.dlt.go.th/
2. ถ้าต่อภาษีรถล่าช้าไม่เกิน 3 ปี จะต้องเสียค่าปรับร้อยละ 1 ต่อเดือน
3. ถ้าขาดการต่อภาษีรถนานเกิน 3 ปีขึ้นไป ทะเบียนรถจะถูกระงับ หากนำรถไปใช้จะมีความผิดตามกฎหมาย ต้องนำรถมาตรวจสภาพและยื่นขอจดทะเบียนใหม่
4. รถยนต์ส่วนบุคคลอายุ 7 ปีขึ้นไป และรถจักรยานยนต์อายุ 5 ปีขึ้นไป ต้องนำรถเข้าตรวจสภาพกับสถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ก่อนต่อภาษีเสมอ เพื่อให้กรมการขนส่งมั่นใจว่ารถของคุณมีสภาพพร้อมใช้งานจริงๆ โดยการนับอายุการใช้งานของรถ ให้นับอายุทางทะเบียน คือ นับตั้งแต่วันแรกที่จดทะเบียน จนถึงวันสิ้นสุดอายุภาษีประจำปีนั้น
5. รถยนต์ติดแก๊ส ต้องมีใบรับรองการติดตั้ง ถึงจะต่อภาษีได้ และต้องต่อภาษีที่สำนักงานขนส่งจังหวัดเท่านั้น
6. ต้องใช้พ.ร.บ. ที่ยังไม่หมดอายุ ประกอบการต่อภาษีทุกครั้ง เช่น ต่อภาษีล่วงหน้า 3 เดือน พ.ร.บ. รถที่ใช้ยื่นคู่กันก็ควรจะมีระยะสิ้นสุดความคุ้มครองที่มากกว่า 3 เดือนขึ้นไป เป็นต้น ดังนั้นเพื่อความสะดวกสบาย คนส่วนใหญ่จึงนิยมทำพ.ร.บ. ใหม่ก่อนต่อภาษีรถ
7. ต่อภาษีได้ที่สำนักงานขนส่งทางบกทั่วประเทศ ไม่จำเป็นต้องเป็นพื้นที่จังหวัดตามที่ระบุในทะเบียนรถ หรือต่อผ่านช่องทางอื่นๆ ได้อีกมากมาย ตามความสะดวก
8. เมื่อต่อภาษีแล้ว จะได้รับสติกเกอร์สี่เหลี่ยม หรือที่เรียกกันติดปากว่าป้ายวงกลม มาใช้ติดรถ ซึ่งถ้าไม่ติดป้ายไว้ในจุดที่มองเห็นได้ชัด จะโดนเรียกปรับเป็นเงิน 2,000 บาท
สรุปง่ายๆ ว่าการต่อภาษีรถยนต์และการต่อภาษีรถจักรยานยนต์ สามารถทำล่วงหน้าได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ภาษีเดิมหมดอายุก่อน และทางที่ดีเจ้าของรถควรทำไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะถ้าเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินจนทำให้ต้องต่อภาษีเกินกำหนดเวลา แม้เพียงไม่กี่ชั่วโมง ก็ต้องจ่ายค่าปรับแบบไม่มีข้อยกเว้น
ขั้นตอนการต่อภาษีรถยนต์ปี 2566
คนที่ลืมไปแล้วว่าการต่อภาษีรถยนต์ต้องทำอะไรบ้าง? หรือคนที่เพิ่งซื้อรถใหม่ แล้วยังไม่มีประสบการณ์การต่อภาษี บอกเลยว่าขั้นตอนการต่อภาษีรถยนต์ 2566 ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะมีเพียง 4 ขั้นตอนเท่านั้น
1. เช็ควันหมดอายุของ พ.ร.บ. ถ้าใกล้หมดอายุแล้ว ให้ต่อ พ.ร.บ.รถยนต์ให้เรียบร้อยก่อน
2. นำรถยนต์ส่วนบุคคลที่มีอายุการใช้งาน 7 ปีขึ้นไป เข้าตรวจสภาพรถกับตรอ. ก่อนต่อภาษี
3. เตรียมเอกสารให้พร้อม ได้แก่
- สมุดคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ ใช้ได้ทั้งตัวจริงและสำเนา
- พ.ร.บ. รถยนต์
- หนังสือรับรองการตรวจตรอ. (เฉพาะรถที่เข้าเกณฑ์)
4. เมื่อเตรียมเอกสารครบแล้ว ให้นำเอกสารทั้งหมดทำเรื่องต่อภาษีรถยนต์ตามช่องทางต่างๆ ที่สะดวกได้เลย
ขั้นตอนการต่อภาษีรถจักรยานยนต์ปี 2566
ส่วนขั้นตอนการต่อภาษีรถจักรยานยนต์ 2566 ก็ทำได้ง่ายๆ ใน 4 ขั้นตอนเช่นกัน คือ
1. เช็กวันหมดอายุของพ.ร.บ. ก่อน ถ้าใกล้หมดอายุแล้ว ให้ต่อพ.ร.บ.รถจักรยานยนต์ใหม่
2. นำรถจักรยานยนต์อายุ 5 ปีขึ้นไป เข้าตรวจสภาพรถกับ ตรอ. ก่อนต่อภาษี
3. เตรียมเอกสารให้พร้อม ได้แก่
- ตัวจริงหรือสำเนาสมุดคู่มือจดทะเบียนรถจักรยานยนต์
- พ.ร.บ. รถจักรยานยนต์
- หนังสือรับรองการตรวจ ตรอ. (เฉพาะรถที่เข้าเกณฑ์)
4. นำเอกสารทั้งหมดทำเรื่องต่อภาษีรถจักรยานยนต์ทางช่องทางต่างๆ ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
ค่าใช้จ่ายในการต่อภาษี
สำหรับค่าใช้จ่ายในการต่อภาษีรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ขึ้นอยู่กับความจุกระบอกสูบ (ซีซี) ของรถ ซึ่งมีเกณฑ์ที่ค่อนข้างละเอียด เช่น รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง ความจุไม่เกิน 600 ซีซี คิดภาษี 0.50 บาทต่อซีซี รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง ความจุ 601-1,800 ซีซี คิดภาษี 1.50 บาทต่อซีซี รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล 76-125 ซีซี คิดภาษีปีละ 323.14 บาท เป็นต้น
ดังนั้น เพื่อความถูกต้องและแม่นยำ สามารถเข้าไปตรวจเช็คค่าภาษีด้วยตัวเองได้ที่ กรมการขนส่งทางบก
แนะนำช่องทางการต่อภาษี
ปัจจุบัน กรมการขนส่งทางบกได้ขยายบริการต่อภาษีรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไปในหลายช่องทาง มีทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้เจ้าของรถ ต่อภาษีได้รวดเร็วมากขึ้น ได้แก่
1. สำนักงานขนส่งทุกสาขาทั่วประเทศ
2. บริการเลื่อนล้อ ต่อภาษี (Drive Thru for Tax)
3. ตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ (Kiosk)
4. ที่ทำการไปรษณีย์
5. คาน์เตอร์เซอร์วิส (ต่อได้เฉพาะรถยนต์ที่อายุไม่เกิน 7 ปี และรถจักรยานยนต์ที่อายุไม่เกิน 5 ปี)
6. ห้างสรรพสินค้าที่ร่วมโครงการช้อปให้พอ แล้วต่อภาษี (Shop Thru for Tax)
7. ธนาคารพาณิชย์ที่ร่วมโครงการกับกรมการขนส่งทางบก
8. เว็บไซต์ https://eservice.dlt.go.th
9. แอปพลิเคชั่น DLT Vehicle Tax
10. แอปพลิเคชั่น mPay และ True Money Wallet
หมายเหตุ: ค่าบริการในแต่ละช่องทางอาจแตกต่างกัน ควรสอบถามข้อมูลก่อนตัดสินใจเลือกช่องทางการต่อภาษี
“ต่อภาษีออนไลน์” ความสะดวกสบายในยุคนี้
หนึ่งในช่องทางการต่อภาษีรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่อยากแนะนำทุกคน โดยเฉพาะกับคนที่ไม่มีเวลา หรือไม่สะดวกเดินทางไปต่อภาษีที่สำนักงานขนส่งด้วยตัวเอง คือ การต่อภาษีออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ของกรมการขนส่งทางบก เพราะจะช่วยให้คุณต่อภาษีรถได้ครบทุกขั้นตอนในที่เดียว เพียงทำตามขั้นตอนเหล่านี้
1. เปิดเว็บไซต์ กรมการขนส่งทางบก
2. ลงทะเบียนเพื่อขอรับรหัสผ่าน (สำหรับสมาชิกใหม่) และ Log-in เข้าสู่ระบบ
3. คลิก “ยื่นชำระภาษีรถยนต์ประจำปี”
4. กรอกรายละเอียดเกี่ยวกับรถ เพื่อลงทะเบียน และยื่นชำระภาษี
5. กรอกรายละเอียดเกี่ยวกับพ.ร.บ.
6. เลือกช่องทางการชำระเงินเพียง 1 ช่องทาง คือ
- ชำระเงินโดยหักบัญชีเงินฝาก (ต้องมีบัญชีเงินฝากและเป็นสมาชิกใช้บริการโอนเงินผ่านระบบอินเตอร์เน็ตกับธนาคาร) หรือ
- ชำระเงินโดยบัตรเครดิต/บัตรเดบิต ที่มีสัญลักษณ์ VISA หรือ MASTERCARD หรือ
- ชำระเงินผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส ตู้เอทีเอ็ม แอปพลิเคชั่นธนาคาร
7. รอรับใบเสร็จรับเงินและป้ายภาษีทางไปรษณีย์ ภายใน 5 วันทำการ โดยตรวจสอบสถานะการดำเนินการยื่นชำระภาษี การจัดส่งเอกสาร และหมายเลข EMS ได้ที่เมนู “ตรวจสอบผลการชำระภาษี/เปลี่ยนช่องทางชำระเงิน” ในเว็บไซต์
8. เจ้าของรถสามารถนำใบคู่มือจดทะเบียนรถไปปรับบันทึกรายการชำระภาษีได้ที่สำนักงานขนส่งทั่วประเทศในภายหลังได้
หมายเหตุ: รถที่ต่อภาษีทางเว็บไซต์ได้ ต้องไม่ใช่รถที่ใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิง และไม่ใช่รถที่ถูกอายัดทะเบียน เพราะขาดการต่อภาษีนานเกิน 3 ปี หรือทำผิดกฎหมายทางใดทางหนึ่ง
เห็นแล้วใช่ไหมว่าขั้นตอนต่อภาษีรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก ดังนั้นปี 66 นี้ก็อย่าลืมไปต่อภาษีกันนะ เพื่อให้รถคู่ใจของคุณเป็นรถที่ใช้งานได้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ถ้าใครที่จะต่อภาษีแล้วยังไม่มีพ.ร.บ. หรือพ.ร.บ. ใกล้หมดอายุ มาต่อพ.ร.บ. รถกับ SMILE INSURE ได้เลยวันนี้