รถเกิดอุบัติเหตุ แต่ พ.ร.บ. ขาด! เบิกย้อนหลังได้ไหม?
หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นและคุณพบว่า พ.ร.บ. ของคุณขาดอยู่ อาจทำให้เกิดความกังวลว่าจะไม่สามารถเคลมค่ารักษาพยาบาลหรือค่าเสียหาย และเบิกค่าชดเชยย้อนหลังได้หรือไม่ หากคุณสงสัยว่ามีวิธีการหรือเงื่อนไขในการเคลมประกันในสถานการณ์นี้อย่างไร
บทความนี้จะช่วยไขข้อสงสัยและอธิบายข้อมูลที่จำเป็นให้เข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น
ทำไม? พ.ร.บ. ถึงสำคัญ จำเป็นต้องต่อทุกปีหรือไม่?
พ.ร.บ. (พระราชบัญญัติ) คือ กฎหมายที่ออกโดยสภานิติบัญญัติของประเทศไทย ซึ่งมีบทบาทในการกำหนดกฎเกณฑ์ ข้อบังคับ หรือข้อกำหนดในเรื่องต่างๆ
เช่น การคุ้มครองสิทธิ การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม และการบริหารงานของรัฐ เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยในสังคม
ความสําคัญของ พ.ร.บ.
1. สร้างความเป็นระเบียบในสังคม
พ.ร.บ. จะช่วยกำหนดกรอบการปฏิบัติตามที่ชัดเจนและเท่าเทียมกันในทุกภาคส่วน เช่น ในการคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคล กฎหมายแรงงาน หรือกฎหมายการค้าขาย
2. ควบคุมการกระทำที่ไม่ถูกต้อง
พ.ร.บ. ใช้ในการควบคุมการกระทำที่อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่สังคมหรือส่วนรวม เช่น กฎหมายการควบคุมมลพิษ หรือกฎหมายความปลอดภัย
3. การส่งเสริมความยุติธรรม
พ.ร.บ. ช่วยกำหนดวิธีการหรือกระบวนการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพิพากษาคดีหรือการลงโทษ เพื่อให้เกิดความยุติธรรมและการแก้ไขปัญหาของสังคม
4. สร้างการพัฒนาในภาคเศรษฐกิจและสังคม
กฎหมายบางฉบับมุ่งเน้นในการส่งเสริมการลงทุน การพัฒนาเศรษฐกิจ หรือการพัฒนาสังคม เช่น กฎหมายการส่งเสริมธุรกิจ หรือ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าขาดต่อ พ.ร.บ.
การปล่อยให้ พ.ร.บ. รถ ขาด อาจทำให้โดนค่าปรับและเป็นการทำผิดกฎหมายได้ ไม่ว่าจะเป็น พรบรถยนต์ หรือ พ.ร.บ. รถจักรยานยนต์ก็ตาม อาจโดนโทษปรับตามกฎหมายจราจรทางบก คือ ปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท
ซึ่งนอกจากจะต้องเสียค่าปรับแล้ว หากเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนทั้งๆ ที่ พ.ร.บ. รถขาดอยู่ คุณอาจจะไม่ได้รับความคุ้มครองใดๆ จาก พรบรถยนต์ อีกด้วย
พ.ร.บ. รถ ขาดได้กี่วัน กี่ปี
สำหรับการต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ สามารถต่อได้ล่วงหน้าสูงสุด 3 เดือน หรือ 90 วัน ก่อนที่ พรบรถยนต์ จะหมดอายุ และเนื่องจากเป็นประกันภัยภาคบังคับจึงไม่สามารถปล่อยให้ขาดหรือหมดอายุแม้แต่วันเดียว
ซึ่งหากใครที่ลืมไปต่อ หรือ ปล่อยให้ พรบรถยนต์ขาดไปแล้ว และมีคำถามว่าต้องทำอย่างไร เรามีคำตอบมาฝากดังนี้
1. พ.ร.บ. รถ ขาด ไม่เกิน 1 ปี
หากเป็นกรณีที่ พรบ รถ ขาด ไม่เกิน 1 ปี สามารถที่จะทำเรื่องเพื่อต่อภาษีรถยนต์ได้เลย โดยที่ไม่เสียค่าปรับใดๆ เพิ่มเติม แต่อาจจะโดนปรับในส่วนของภาษีรถยนต์แทนนั่นเอง
2. พ.ร.บ. รถ ขาด เกิน 2 ปีขึ้นไป
ในกรณีที่ พ.ร.บ. รถ ขาด เกิน 2 ปีขึ้นไป ผู้ใช้รถจำเป็นต้องตรวจสภาพรถยนต์ของตนเอง พร้อมดำเนินการเรื่องต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ ด้วยตนเอง เพื่อทำการต่อทะเบียนรถและเสียค่าปรับ ซึ่งต้องใช้เอกสารดังต่อไปนี้
ทะเบียนบ้านเจ้าของรถ
สมุดทะเบียนรถ
สำเนาบัตรประชาชนเจ้าของรถ
หลังจากทำการยื่นเอกสารที่กรมการขนส่งทางบกแล้ว คุณอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนของ ค่าจดทะเบียน ต่อภาษี และยังรวมไปถึงค่าตรวจสภาพรถอีกด้วย
3. พ.ร.บ.รถ ขาด เกิน 3 ปีขึ้นไป
ในกรณีที่ปล่อยให้ พ.ร.บ.รถ ขาดนานเกิน 3 ปีขึ้นไป มีโอกาสเสี่ยงที่จะถูกระงับป้ายทะเบียนรถ ซึ่งหากถูกระงับการใช้ป้ายทะเบียนรถไป ต้องไปจดทะเบียนใหม่พร้อมกับเสียค่าปรับ รวมถึงอาจมีการเก็บภาษีรถยนต์ย้อนหลังอีกด้วย สำหรับเอกสารที่ต้องใช้มีดังนี้
ทะเบียนบ้านเจ้าของรถ
สมุดทะเบียนรถ
สำเนาบัตรประชาชนเจ้าของรถ
ทั้งนี้ทางกรมการขนส่งทางบกอาจมีการขอเอกสารเพิ่มเติมในวันที่ไปดำเนินการก็เป็นได้ หากมีเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องกับรถ แนะนำว่าควรนำไปด้วยจะดีที่สุด
เกิดอุบัติเหตุสามารถ เคลม พ.ร.บ. ย้อนหลังทำได้หรือไม่?
การเคลม พ.ร.บ. ในกรณีเกิดอุบัติเหตุจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและกฎระเบียบที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ. ซึ่งมีข้อแตกต่างกันทั้งในกรณีที่ ไม่ขาดต่อ และ ขาดต่อ พ.ร.บ. ดังนี้
กรณีไม่ขาดต่อ พ.ร.บ.
โดยมีการต่ออายุ พ.ร.บ. อย่างต่อเนื่องสามารถเคลมค่าเสียหายได้ บริษัทประกันจะพิจารณาสินไหมตามเงื่อนไขปกติ
กรณีขาดต่อ พ.ร.บ.
โดยทั่วไปจะไม่สามารถเคลมย้อนหลังได้ หากเกิดอุบัติเหตุในช่วงที่ พ.ร.บ. ขาดต่อ จะไม่ได้รับความคุ้มครอง
ข้อแนะนำ
- ควรต่อ พ.ร.บ. อย่างต่อเนื่อง
- ตรวจสอบวันหมดอายุเสมอหากเกิดอุบัติเหตุในช่วงขาดต่อ จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ใดๆ
ต่อ พ.ร.บ. ได้ที่ไหนบ้าง?
การ ต่อ พ.ร.บ. สามารถทำได้หลายช่องทาง โดยสามารถเลือกทำได้ตามความสะดวก ดังนี้
1. ต่อ พ.ร.บ. ผ่านบริษัทประกันภัย
โดยสามารถไปที่สำนักงานของบริษัทประกันภัยที่คุณเคยทำประกัน พ.ร.บ. ไว้ เพื่อทำการต่อ พ.ร.บ. ด้วยตัวเอง และชำระค่าต่อประกันได้ที่สำนักงานนั้น
ต่อผ่านช่องทางออนไลน์ของบริษัทประกันภัยหลายบริษัทที่มีระบบการต่อ พ.ร.บ. ออนไลน์ผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของบริษัท โดยสามารถกรอกข้อมูลและชำระเงินผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างสะดวก
2. ต่อ พ.ร.บ. ผ่านตัวแทนประกันภัย
ตัวแทนประกันภัย: หากคุณมีตัวแทนประกันภัยที่คุ้นเคย สามารถติดต่อให้ตัวแทนช่วยต่อ พ.ร.บ. ให้ได้ โดยตัวแทนจะจัดการให้คุณและทำการชำระค่าต่อประกัน
3. ต่อ พ.ร.บ. ผ่านธนาคาร
ธนาคารที่มีบริการต่อ พ.ร.บ. ธนาคารบางแห่งมีบริการให้คุณสามารถต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ได้ที่สาขาของธนาคารหรือผ่านบริการออนไลน์ของธนาคารนั้นๆ
4. ต่อ พ.ร.บ. ผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันออนไลน์
เว็บไซต์ที่ให้บริการต่อ พ.ร.บ. ออนไลน์ ปัจจุบันมีหลายเว็บไซต์ที่ให้บริการ เช่น เว็บไซต์ของบริษัทประกันภัย หรือเว็บไซต์ที่รวมข้อมูลประกันภัยจากหลายบริษัท โดยคุณสามารถกรอกข้อมูลและชำระค่าบริการผ่านระบบออนไลน์ได้
5. ต่อ พ.ร.บ. ผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส
เคาน์เตอร์เซอร์วิสที่ 7-Eleven บางเครือข่ายของบริษัทประกันภัยให้บริการต่อ พ.ร.บ. ผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสของ 7-Eleven โดยสามารถจ่ายค่าประกันและรับใบอนุญาตการต่อ พ.ร.บ. ได้ที่เคาน์เตอร์
6. ผ่านเว็บไซต์ของกรมการขนส่งทางบก
กรมการขนส่งทางบกจะมีเว็บไซต์ที่ให้บริการและตรวจสอบสถานะของการต่อ พ.ร.บ. รวมถึงสามารถชำระค่าต่อ พ.ร.บ. ได้
เอกสารที่จำเป็นในการต่อ พ.ร.บ.
- เล่มทะเบียนรถ
- บัตรประชาชน
- ใบอนุญาตขับขี่ (บางกรณีอาจต้องใช้)
- ค่าประกันตามที่บริษัทกำหนด
มี พ.ร.บ. แล้วต้องทำประกันรถยนต์เพิ่มอีกไหม?
การมี พ.ร.บ. ส่วนใหญ่จะคุ้มครองผู้ประสบภัยจากอุบัติเหตุแต่ไม่คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถของคุณการทำประกันภัยรถยนต์เพิ่มเติม เช่น ประกันภัยชั้น 1, 2+ หรือ 3+ จะช่วยให้คุณได้รับการคุ้มครองที่ครอบคลุมมากขึ้นในกรณีที่ พ.ร.บ. ไม่สามารถครอบคลุมได้ และเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำเพิ่มนั่นเอง
สำหรับผู้ที่มีประกันรถยนต์อยู่แล้วถ้าประกันรถยนต์ของคุณใกล้หมดอายุ และกําลังมองโบรกเกอร์ดีๆ ลองให้ SMILE INSURE ช่วยดูแลคุณ
นอกจากจะได้รับความคุ้มครองตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันรถแล้ว ยังจะได้รับความพิเศษอีกมากมาย และของพรีเมี่ยมฟรีทุกเดือน รวมถึงส่วนลดพิเศษอื่นๆ ที่รอมาเซอร์ไพรส์คุณอยู่อีกเพียบ