สรุปเงื่อนไขกรมธรรม์รถยนต์ไฟฟ้า ฉบับใหม่

ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2567 เป็นต้นมา คปภ. ได้ประกาศใช้เงื่อนไขกรมธรรม์รถยนต์ไฟฟ้า (EV) รูปแบบใหม่ ที่ออกแบบมาให้เหมาะสมกับเทคโนโลยีและความเสี่ยงเฉพาะของรถ EV มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การระบุชื่อผู้ขับขี่, ส่วนลดตามพฤติกรรมการขับ, หรือ การคุ้มครองแบตเตอรี่และเครื่องชาร์จ ล้วนมีรายละเอียดที่แตกต่างจากประกันรถยนต์ทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจเงื่อนไขใหม่ของประกันรถยนต์ไฟฟ้าอย่างครบถ้วน
ข้อกำหนดและเงื่อนไขสำคัญของประกันภัยรถยนต์ EV
1. เปลี่ยนแปลงรูปแบบกรมธรรม์ เป็น “ แบบระบุชื่อผู้ขับขี่ “ เฉพาะกรมธรรม์รถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคล
- ระบุชื่อผู้ขับขี่เท่านั้น (สูงสุด 5 คน)
- ถ้ามีผู้ขับขี่มากกว่า 2 คน ต้องแนบชื่อใน เอกสารแนบท้าย ร.ย.ฟ07
- รถเชิงพาณิชย์รับจ้าง / ให้เช่าไม่ต้องระบุชื่อผู้ขับขี่เช่นเดิม
2. ใช้ “ ระดับพฤติกรรมการขับขี่” เป็นตัวแปรการคำนวณเบี้ยประกันแทน “ อายุผู้ขับขี่ “
คำนวณเบี้ยประกันด้วยพฤติกรรมการขับขี่ (Driving Behavior Rating)
ในปีแรกทุกคนจะเริ่มต้นที่ระดับ 1
ระดับจะปรับเพิ่ม/ลดในปีถัดไปขึ้นอยู่กับประวัติการเคลม
อ่านเพิ่มเติม : 4 เหตุผลที่ทำให้ค่าเบี้ยประกันรถ EV แพงกว่ารถยนต์ทั่วไป
3. ปรับส่วนลดประวัติดี (NCB) และเพิ่มค่าเบี้ยสำหรับประวัติไม่ดี(Load Claim) เฉพาะกรมธรรม์รถไฟฟ้าส่วนบุคคล
ปรับส่วนลดประวัติดี (NCB)
NCB คือส่วนลดค่าเบี้ยประกันภัยที่บริษัทประกันมอบให้แก่ผู้เอาประกันภัยที่มีประวัติดี ไม่มีการเคลมประกันในรอบปีกรมธรรม์ที่ผ่านมา หรือมีการเคลมแต่เป็นฝ่ายถูก โดยส่วนลดนี้จะเพิ่มขึ้นตามจำนวนปีที่ไม่มีการเคลมอย่างต่อเนื่องสูงสุด 40%
การเพิ่มค่าเบี้ยสำหรับประวัติไม่ดี (Load Claim)
Load Claim คือการที่บริษัทประกันเรียกเก็บค่าเบี้ยประกันภัยเพิ่มขึ้น สูงสุด 40% จากผู้เอาประกันภัยที่มีประวัติการเคลมประกันภัยในรอบปีกรมธรรม์ที่ผ่านมา ในกรณีที่เป็นฝ่ายผิด หรือ เคลมแบบไม่มีคู่กรณี ตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไป และมีจำนวนเงินเกิน 200% ของเบี้ยประกัน
พฤติกรรมการขับขี่
สำหรับเงื่อนไขกรมธรรม์แบบใหม่ จะนำพฤติกรรมการขับขี่ของผู้เอาประกันภัย มาใช้ในการคำนวณส่วนลดเบี้ยประกันด้วย สูงสุดถึง 40% โดยสามารถตรวจสอบพฤติกรรมการขับขี่ได้ที่
ช่องทางตรวจสอบพฤติกรรม
1. Application ทางรัฐ
- iOS : ดาวน์โหลด Appทางรัฐ
- Android : ดาวน์โหลด Appทางรัฐ
2. LINE official Account คปภ.รอบรู้ : LINE official คปภ.รอบรู้
4. ความคุ้มครองกรณีเปลี่ยนแบตเตอรี่ไฟฟ้าใหม่ทั้งชุดระหว่างระยะเอาประกันภัย และต้องการเพิ่มทุน (ร.ย.ฟ. 08)
เงื่อนไขกรมธรรม์รถยนต์ไฟฟ้าสำหรับการคุ้มครองกรณีเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ทั้งชุดระหว่างระยะเอาประกันภัย และการเพิ่มทุน (ร.ย.ฟ. 08) มีรายละเอียดดังนี้ค่ะ
ความคุ้มครองแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า
ตามเกณฑ์ใหม่ของ คปภ. ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป ประกันรถยนต์ไฟฟ้าฉบับใหม่ได้มีการเพิ่มความคุ้มครองแบตเตอรี่เข้ามาด้วย โดยจะคำนวณค่าเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ตามอายุการใช้งาน โดยอัตราการชดเชยค่าสินไหมในประกันรถยนต์ไฟฟ้าฉบับใหม่มีรายละเอียดดังนี้
- อายุการใช้งานไม่เกิน 1 ปี: ชดเชย 100% ของมูลค่าแบตเตอรี่
- อายุการใช้งานเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี: ชดเชย 90%
- อายุการใช้งานเกิน 2 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี: ชดเชย 80%
- อายุการใช้งานเกิน 3 ปี แต่ไม่เกิน 4 ปี: ชดเชย 70%
- อายุการใช้งานเกิน 4 ปี แต่ไม่เกิน 5 ปี: ชดเชย 60%
- อายุการใช้งานเกิน 5 ปีขึ้นไป: ชดเชย 50%
กรณีเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ทั้งชุด
- กรรมสิทธิ์ซากแบตเตอรี่ จะตกเป็นของผู้เอาประกันกับบริษัทประกันตามสัดส่วนเดียวกันกับอัตราชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแบตเตอรี่
- กรณีที่มีการตกลงให้มีการจำหน่ายแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่เปลี่ยนมา จะให้บริษัทดำเนินการจำหน่ายและจัดสรรจำนวนเงินที่ได้จากการจำหน่ายตามสัดส่วนข้างต้นให้กับผู้เอาประกันภัย
อ่านเพิ่มเติม : จริงไหม? ชาร์จรถไฟฟ้าในบ้าน ไม่อันตรายอย่างที่คิด!
ความคุ้มครองกรณีเปลี่ยนแบตเตอรี่ไฟฟ้าใหม่ทั้งชุดระหว่างระยะเอาประกันภัย
บริษัทประกัน ต้องแจ้งให้ผู้เอาประกันทราบใน 7 วัน ในกรณีรถยนต์ไฟฟ้าได้รับความเสียหาย และ บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าใหม่ นับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์
ผู้เอาประกันภัยสามารถเลือกใช้สิทธิ 2 แบบ คือ
- ปรับเพิ่มทุนประกันภัย ตามมูลค่าของรถและแบตเตอรี่ลูกใหม่ โดยต้องชำระเบี้ยประกันเพิ่มตามทุนที่ปรับขึ้น โดยบริษัทจะออกเอกสารแนบท้ายเพื่อยืนยันการปรับเปลี่ยนทุนประกัน
- ไม่ปรับเพิ่มทุนประกันภัย แม้จะมีการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ ความคุ้มครองจะยังอ้างอิงตามทุนประกันเดิมและอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ก่อนเปลี่ยน ตามตารางการชดเชยที่กำหนดไว้
หลังจากเลือกสิทธิที่ต้องการแล้ว ผู้เอาประกันภัยจะต้องแจ้งการใช้สิทธิให้บริษัททราบภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากบริษัท หากเกินกว่า 30 วัน จะถือว่าผู้เอาประกันเลือกไม่ปรับเพิ่มทุนประกันภัย
อ่านเพิ่มเติม : ไขข้อสงสัย รถยนต์ไฟฟ้า ชาร์จไฟตอนฝนตกได้ไหม?
ความคุ้มครองแบตเตอรี่ 100% (บางบริษัทประกัน)
บางบริษัทประกันมีผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าที่ให้ความคุ้มครองแบตเตอรี่ 100%สูงสุด 5 ปี หรือสามารถซื้อความคุ้มครองแบตเตอรี่เพิ่มเติมได้ ทั้งนี้จะต้องมีการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าเกิน 1 ปีขึ้นไป
กรณีที่ใดบ้างที่คุ้มครองแบตเตอรี่
- ความเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุรถชน, ไฟไหม้, น้ำท่วม, ภัยธรรมชาติอื่นๆ หรือการถูกโจรกรรมที่ส่งผลให้แบตเตอรี่เสียหายจนต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งชุด
- ไฟไหม้หรือความเสียหายอื่นๆ ที่เกิดจากการชาร์จแบตเตอรี่ (เช่น การใช้ที่ชาร์จแบบ Wall Box ที่บ้าน) ประกันภัยอาจให้ความคุ้มครอง
การเพิ่มทุนประกัน (ร.ย.ฟ.08)
เมื่อมีการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าใหม่ทั้งชุด และต้องการให้ความคุ้มครองแบตเตอรี่ใหม่เทียบเท่ากับของเดิม หรือเพิ่มความคุ้มครองให้ครอบคลุมมากขึ้น ผู้เอาประกันภัยจึงควรพิจารณา การเพิ่มทุนประกันภัย เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองที่เพียงพอต่อมูลค่าที่แท้จริงของรถยนต์และแบตเตอรี่ใหม่ โดยสามารถขอให้บริษัทประกันออกเอกสาร ร.ย.ฟ.08 เพื่อเพิ่มทุนประกันได้
“ร.ย.ฟ.08” คือเอกสารแนบท้ายกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ที่ใช้สำหรับ เพิ่มทุนประกัน (จำนวนเงินเอาประกันภัย) ของกรมธรรม์นั้นๆ โดยส่วนใหญ่จะออกเมื่อมีการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า และผู้เอาประกันต้องการให้ความคุ้มครองของแบตเตอรี่ใหม่เทียบเท่ากับความคุ้มครองในช่วงแรกของกรมธรรม์
5. เพิ่มความคุ้มครองความเสียหายต่อเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคล
การเพิ่มความคุ้มครองความเสียหายต่อเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลเป็นอีกหนึ่งความคุ้มครองที่สำคัญสำหรับเจ้าของรถ EV เนื่องจากเครื่องชาร์จ (โดยเฉพาะ Wall Charger) มีมูลค่าสูงและเป็นอุปกรณ์สำคัญในการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าในชีวิตประจำวัน
โดยทั่วไปแล้ว ผู้เอาประกันสามารถซื้อความคุ้มครองเครื่องชาร์จเพิ่มเติมได้ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกันภัย โดยเบี้ยประกันจะอยู่ในสัดส่วนตั้งแต่ 0.035%-3.5% ของมูลค่าเครื่องชาร์จ หรือเป็นไปตามที่บริษัทประกันกำหนด หรือ บางบริษัทประกันจะมีความคุ้มครองเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคล (Wall Charger) และสายชาร์จรวมอยู่ในกรมธรรม์ด้วย
ความคุ้มครองความเสียหายต่อเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคล (Wall Charger และสายชาร์จ)
1. ขอบเขตความคุ้มครอง
- ความเสียหายต่อตัวเครื่องชาร์จ: คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคล (Wall Charger) และสายชาร์จ ที่เกิดจากอุบัติเหตุ ไฟไหม้ หรือภัยอื่นๆ ที่ระบุในกรมธรรม์
- การสูญหาย: คุ้มครองกรณีเครื่องชาร์จหรือสายชาร์จสูญหายจากการถูกโจรกรรม
- ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก: บางกรมธรรม์อาจขยายความคุ้มครองไปถึงความรับผิดต่อบุคคลภายนอกที่เกิดจากอุบัติเหตุอันเนื่องมาจากการใช้งานเครื่องชาร์จที่บ้านหรือสถานีชาร์จสาธารณะ
2. เงื่อนไขและข้อจำกัดที่ควรทราบ
- ประเภทของเครื่องชาร์จ: โดยส่วนใหญ่จะคุ้มครองเฉพาะเครื่องชาร์จที่ได้รับการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม และมีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับชาร์จรถยนต์คันที่ระบุไว้ตามกรมธรรม์รถยนต์หลัก
- ที่มาของเครื่องชาร์จ: บางบริษัทประกันอาจมีเงื่อนไขว่าเครื่องชาร์จที่คุ้มครองจะต้องเป็นเครื่องชาร์จที่มาจากโรงงานผลิตรถยนต์รุ่นนั้นๆ หรือเป็นเครื่องชาร์จที่ได้รับการรับรองจากผู้ผลิตรถยนต์ หากเป็นเครื่องชาร์จที่ติดตั้งเองหรือไม่ได้มาจากผู้ผลิตรถยนต์ อาจไม่ได้รับความคุ้มครองโดยอัตโนมัติ หรือต้องซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติม
- สถานที่เกิดเหตุ: ความคุ้มครองส่วนใหญ่จะเน้นที่เครื่องชาร์จที่ติดตั้งอยู่กับที่บ้าน (Wall Charger) หรือสายชาร์จที่มาพร้อมกับรถยนต์ (Portable EV Charger) ซึ่งบางกรมธรรม์อาจระบุว่าคุ้มครองเฉพาะการใช้งานที่บ้านเท่านั้น ไม่รวมที่ชาร์จสาธารณะ
- วงเงินความคุ้มครอง: แต่ละบริษัทประกันจะกำหนดวงเงินความคุ้มครองสำหรับเครื่องชาร์จและสายชาร์จ ซึ่งอาจเป็นวงเงินต่อปี (เช่น 60,000 บาทต่อปี) หรือตามมูลค่าจริงของอุปกรณ์ แต่ไม่เกินทุนประกันที่กำหนด
- การติดตั้ง: การติดตั้งเครื่องชาร์จจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย และโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขการรับประกันภัย
3. การเพิ่มความคุ้มครอง
- หากกรมธรรม์ปัจจุบันของคุณยังไม่มีความคุ้มครองเครื่องชาร์จ หรือมีวงเงินความคุ้มครองที่ไม่เพียงพอ คุณสามารถติดต่อบริษัทประกันภัยเพื่อซื้อความคุ้มครองได้
- การเพิ่มความคุ้มครองอาจทำได้โดยการซื้อ "เอกสารแนบท้าย" หรือ "สลักหลัง" กรมธรรม์ ซึ่งอาจมีค่าเบี้ยประกันเพิ่มเติม
- บริษัทประกันอาจขอข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องชาร์จ เช่น ยี่ห้อ รุ่น ราคา และหลักฐานการติดตั้ง เพื่อประกอบการพิจารณา
ในการพิจารณาความคุ้มครองสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ควรตรวจสอบกรมธรรม์ที่ถือครองอยู่ ว่าครอบคลุมความเสียหายต่อเครื่องชาร์จและสายชาร์จหรือไม่ พร้อมทั้งศึกษารายละเอียดเงื่อนไขอย่างรอบคอบ
หากคุณยังไม่แน่ใจว่ากรมธรรม์ปัจจุบันของคุณเข้าข่ายเงื่อนไขใหม่หรือไม่ สอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-233-9999 (9:00-18:00 น.) หรือแอดไลน์ @smileinsure