เรื่องเคลม คำง่ายๆ ที่ทุกคนต้องรู้

เมื่อเกิดอุบัติเหตุสิ่งแรกที่หลายคนนึกถึงเลย คือการโทรแจ้งประกันเพื่อให้พนักงานเจรจาไกล่เกลี่ยกับคู่กรณี และประเมินสถานการณ์เพื่อแจ้งเคลมต่อไป ซึ่งหลายคนคิดว่าเมื่อมีประกันแล้วคงเป็นเรื่องง่ายแต่จริง ๆ แล้ว เมื่อเกิดเหตุแต่ละครั้งอาจจะมีปัจจัยหลายด้านที่ส่งผลต่อการเคลม อาจจะทำให้การเคลมช้า เคลมไม่ได้ ต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรกเพิ่ม หรือมีความวุ่นวายของเอกสารอีกมากมาย แบบนี้แล้วเรามารู้จักการเคลมไว้เพื่อทำความเข้าใจกันดีกว่า

การเคลมมีกี่ประเภท?

การเคลมแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ เคลมสด และ เคลมแห้ง

• เคลมสด คือ การแจ้งเคลมทันทีเมื่อเกิดเหตุ โดยโทรแจ้งบริษัทประกันให้มาตรวจสอบความเสียหาย ณ สถานที่เกิดเหตุ ส่วนใหญ่จะเป็นกรณีรถชนแบบมีคู่กรณี หรือมีผู้บาดเจ็บ การเคลมสดบริษัทประกันจะคุ้มครองตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ ซึ่งการเคลมสดจะไม่ซับซ้อนหรือยุ่งยากและสามารถเคลียร์เรื่องการเคลมในจุดเกิดเหตุได้ทันที 
• เคลมแห้ง คือ การแจ้งเคลมหลังจากเกิดเหตุ ส่วนใหญ่จะเป็นอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี ขับรถชนกระถางต้นไม้ เปิดประตูชนขอบฟุตบาท รอยแผลถลอก เล็กๆ น้อยๆ ซึ่งสามารถแจ้งเคลมย้อนหลัง หรือแจ้งเคลมพร้อมกับรอยแผลอื่นๆได้ แค่แจ้งสถานที่ วันที่ และเวลาเกิดเหตุกับประกันได้ก็สามารถเคลมได้แล้วค่ะ แต่ก็ต้องเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นในปีของกรมธรรม์นั้นๆ ด้วย ถ้าเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นก่อนหรือหลังจากกรมธรรม์นั้นหมดไปแล้วจะไม่สามารถแจ้งเคลมได้

ในการเคลมแต่ละครั้งอาจจะต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรกเพิ่มเติมในกรณีที่เกิดเหตุโดยความประมาท ระบุความเสียหายไม่ได้ หรือแจ้งข้อมูลคู่กรณีไม่ได้ เป็นต้น โดยค่าเสียหายส่วนแรกจะขึ้นอยู่กับความเสียหายและบริษัทประกันภัย

เพื่อทำให้การเคลมง่ายขึ้นและไม่ยุ่งยาก เมื่อเกิดเหตุให้โทรแจ้งกับบริษัทประกัน และรอตัวแทนของบริษัทประกันมาที่เกิดเหตุเพื่อเก็บข้อมูล ในระหว่างรอตัวแทนของบริษัทประกันเราสามารถเจรจากับคู่กรณีได้ 

แต่ถ้าเจรจากันไม่ได้ Smile Insure ขอแนะนำว่ารอตัวแทนของบริษัทประกันอาจจะดีกว่า หากในกรณีที่เกิดเหตุโดยไม่มีคู่กรณี เกิดเหตุชนแล้วหนีให้รีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป

แต่จะดีกว่าไหม ถ้ามีที่ปรึกษาประกันภัยอย่าง Smile Insure เป็นที่ปรึกษาของคุณ หากสนใจประกันดี ๆ นึกถึง Smile Insure สิครับ เราพร้อมให้คำปรึกษา พร้อมโปรโมชั่นดี ๆ อีกเพียบบบบบ