ยางแตก ยางระเบิด เคลมประกันชั้นไหนได้บ้าง?
รถยางแตกหรือรถยางระเบิด เป็นสิ่งที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับรถยนต์ทุกคัน
โดยเฉพาะรถที่ไม่ได้เปลี่ยนยางรถยนต์มานาน หรือไม่เคยเปลี่ยนยางรถยนต์มาก่อนเลย นับตั้งแต่วันออกรถใหม่
สำหรับคนที่มีประกันรถอยู่แล้ว อาจมองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะคิดว่าประกันรถน่าจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้
แต่รู้ไหมว่า? ความจริงแล้ว ไม่ใช่ประกันทุกชั้นที่จะรับเคลมประกันรถจากกรณีรถยนต์ยางแตกหรือยางระเบิด แถมยังมีข้อจำกัดบางอย่างด้วย จะมีอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลย
อ่านเพิ่มเติม: เตรียมพร้อมช่วงหน้าฝน กับ 10 เทคนิคดูแลรถยนต์
รถยนต์ยางแตกหรือยางระเบิดเกิดขึ้นได้บ่อยแค่ไหน?
“รถยนต์ยางแตก” หรือที่เรียกอีกอย่างว่ารถยางระเบิด เป็นหนึ่งในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้บ่อย ซึ่งอาจมากกว่าที่หลายคนเคยคิดเอาไว้ ยกตัวอย่างสถิติจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทยที่บันทึกข้อมูลในแต่ละปีเอาไว้ เช่น
- ปีงบประมาณ 2563 ประมาณ 8,184 ครั้ง
- ปีงบประมาณ 2564 ประมาณ 7,239 ครั้ง
- ปีงบประมาณ 2565 ประมาณ 6,486 ครั้ง
อย่างไรก็ตาม จำนวนครั้งที่เกิดเหตุการณ์ยางแตกที่เห็นอยู่นี้ เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะการทางพิเศษจะเก็บบันทึกแค่เหตุการณ์รถยางแตกบนทางด่วน ไม่ได้รวมอุบัติเหตุที่เกิดบนถนนประเภทอื่น
รถยนต์ยางแตกหรือยางระเบิดเกิดจากอะไร?
รถยนต์ยางแตก หรือรถยางระเบิด เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
ยางรถยนต์เสื่อมสภาพ
ยางรถก็เหมือนอะไหล่อื่นๆ ของรถยนต์ ที่มีโอกาสเสื่อมสภาพ หรือหมดอายุได้ตามกาลเวลา เมื่อนำมาใช้งานทั้งๆ ที่เสื่อมสภาพ ก็สามารถแตกหรือระเบิดได้
ซึ่งปกติแล้ว ยางรถจะมีอายุการใช้งานประมาณ 4-5 ปี หรือมีระยะทางประมาณ 50,000 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานรถ เช่น ขับรถไปทำงานทุกวัน ยางรถจะมีอายุการใช้งานประมาณ 5 ปี รถในธุรกิจขนส่งที่ต้องขับรถทางไกล
อ่านเพิ่มเติม: รถชนไม่มีคู่กรณี ประกันชั้น 2+ เคลมได้ไหม?
และขับวันละหลายชั่วโมง ยางรถอาจมีอายุสั้นลง และต้องเปลี่ยนยางเร็วกว่า 5 ปี ส่วนรถที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน อาจยืดอายุการเปลี่ยนยางได้นานถึง 6-7 ปี
ใช้งานยางรถยนต์ผิดประเภท
ยางรถแต่ละรุ่น แต่ละขนาด จะถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับการใช้งานรถที่ต่างกันออกไป เช่น ยางรถขอบ 15 นิ้ว บางรุ่น เหมาะกับรถเก๋งที่ใช้ขับขี่ทั่วไปในชีวิตประจำวัน หากนำไปใช้กับรถกระบะตู้ทึบที่ใช้ขนส่งสินค้าน้ำหนักมาก ยางก็อาจแตกหรือระเบิดได้
ใช้ยางรถยนต์ค้างสต๊อก
บางคนอาจจะเคยเห็นมาแล้วว่า รถบางคันที่เพิ่งเปลี่ยนยางรถมาใหม่ ก็มีโอกาสที่รถยนต์ยางแตกได้เหมือนกัน
นั่นก็เพราะว่า ยางที่นำมาเปลี่ยนนั้นเป็นของเก่าค้างสต๊อก ที่ผลิตมานานหลายปี จนหมดอายุแล้ว ซึ่งเมื่อเสียดสีกับพื้นถนนที่ไม่เรียบ เป็นหลุมเป็นบ่อ รวมถึงเจออากาศร้อนระอุ ยางจึงแตกได้ง่ายๆ
ใช้ยางเปอร์เซ็นต์
เพราะการจะเปลี่ยนยางรถใหม่ เกรดพรีเมียม ต้องใช้งบประมาณค่อนข้างเยอะ “ยางเปอร์เซ็นต์” จึงเป็นทางเลือกยอดฮิตสำหรับคนอยากประหยัด
ยางเปอร์เซ็นต์ หมายถึง ยางมือสองที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว และมีสภาพไม่เต็ม 100% ซึ่งไม่สามารถรู้ได้เลยว่า ก่อนที่ยางรถจะมาถึงคนซื้อในปัจจุบัน ได้ผ่านการขับขี่ที่สมบุกสมบันมามากขนาดไหน เพราะร้านขายยาง หรืออู่ซ่อมรถต่างๆ จะทำความสะอาดยางรถเหล่านี้ให้ดูเหมือนใหม่อยู่เสมอ
อ่านเพิ่มเติม: ถอยรถชนรั้วบ้าน! ประกันชั้น 2+ คุ้มครองหรือไม่?
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นรถยางระเบิด หลังจากที่เพิ่งเปลี่ยนยางได้ไม่นาน
ลมยางไม่เหมาะสม
ลมยางมีความสำคัญไม่แพ้สภาพยาง เพราะถ้ามีมากไปจนยางตึง แข็ง หรือน้อยไปจนยางย้วย รับน้ำหนักรถไม่ไหว และเสียรูปทรง ก็มีโอกาสทำให้ยางแตกได้เช่นกัน
ยางรถยนต์โดนกระแทกอย่างรุนแรง
อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้รถยนต์ยางแตก หรือรถยางระเบิดได้ คือ การที่ยางโดนกระแทก ขูด ขีด กรีด ทิ่มแทง จากวัตถุอื่นอย่างรุนแรง เช่น เศษกระเบื้อง ตะปู หลุมบนถนน เป็นต้น
รถยนต์ยางแตกหรือยางระเบิดเคลมประกันรถชั้นไหนได้บ้าง?
ถึงแม้ตอนนี้จะมีประกันหลากหลายประเภทให้เลือกซื้อ แต่ประกันที่จะเคลมกรณีรถยนต์ยางแตก หรือรถยางระเบิดได้ มีแค่ “ประกันชั้น 1” แต่ก็สามารถเคลมประกันได้แค่บางกรณี และส่วนใหญ่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายแค่ครึ่งเดียว หรือเพียง 50% เท่านั้น
โดยกรณีที่จะเคลมประกันรถชั้น 1 ในส่วนของค่ายางได้ ต้องเป็นการที่รถยางแตกจากอุบัติเหตุเท่านั้น และพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้เกิดจากการเสื่อมสภาพของยาง
เช่น ยางแตกเพราะมีใครบางคนขว้างปาวัตถุแปลกปลอมมาโดนยางรถ ยางแตกเพราะขับรถตกหลุมกลางถนน ซึ่งเกิดจากความสะเพร่าของผู้รับเหมาก่อสร้าง เป็นต้น
ถ้าอยู่ดีๆ ยางแตกเองแบบไม่ทราบสาเหตุ หรือขับรถไปตามปกติแล้วเหยียบตะปู เศษแก้ว จนยางแตก ประกันชั้น 1 จะไม่รับเคลมประกันรถในส่วนของค่ายาง แต่รับผิดชอบความเสียหายอื่นๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวรถ เช่น ล้อรถ ตัวถังรถ เป็นต้น
ทำไมถึงเคลมประกันรถยางแตกหรือยางระเบิดได้แค่ครึ่งเดียว?
สำหรับเหตุผลที่เคลมประกันรถในส่วนของค่ายางได้แค่ 50% เป็นเพราะยางรถ คืออะไหล่ที่มีการเสื่อมสภาพได้อย่างรวดเร็ว และเสื่อมสภาพได้มากกว่าส่วนอื่นๆ เพราะสัมผัสกับพื้นถนนโดยตรง
อ่านเพิ่มเติม: รถมือสอง ทำประกันรถออนไลน์ได้ไหม?
อีกทั้งไม่สามารถประเมินได้อย่างชัดเจนว่ามีการใช้งานมานานแค่ไหนแล้ว? หรือมีการดูแลรักษาที่ถูก-ผิดวิธีอย่างไรบ้าง? ดังนั้นบริษัทประกันจึงมีการคิดค่าเสื่อมราคาของยางรถด้วย ซึ่งก็คือครึ่งหนึ่งนั่นเอง
แต่ถ้าเจ้าของรถมีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่าเพิ่งเปลี่ยนยางรถมา และยางรถยังใหม่อยู่ ไม่ได้เสื่อมสภาพ สามารถยื่นเอกสารประกอบการพิจารณาการเคลมประกันตามมูลค่าจริงของยางได้
ประกันชั้น 1 สำคัญกับรถยนต์ยางแตก
เมื่อล้อรถเปรียบเสมือนเท้าของมนุษย์ เพราะช่วยให้รถขับเคลื่อนไปได้ทุกที่ ยางรถยนต์ก็เปรียบได้กับรองเท้า ที่ช่วยลดการเสียดสีระหว่างพื้นถนนกับล้อ และช่วยให้การขับเคลื่อนของรถ ราบรื่นมากขึ้น
ดังนั้น ถ้ารถยนต์ยางแตก หรือรถยางระเบิดขึ้นมา ก็จะทำให้รถเคลื่อนที่ไม่ได้ หรืออาจทำให้เกิดอุบัติเหตุใหญ่ตามมา เช่น ยางแตกขณะขับรถเร็ว ทำให้เบรกไม่อยู่ จนรถเสียหลักชนขอบทาง ฯลฯ
ซึ่งการเปลี่ยนยางรถในแต่ละที แม้จะเพียงแค่ล้อเดียว ก็ต้องใช้ค่าใช้จ่ายหลายพันบาท ถือว่าเป็นเงินไม่น้อยสำหรับมนุษย์เงินเดือน
ประกันชั้น 1 จึงเป็นสิ่งสำคัญที่คนมีรถไม่ควรมองข้าม เพราะแม้ว่าจะมีข้อจำกัดในการรับผิดชอบกรณีรถยนต์ยางแตก แต่ก็ยังดีกว่าประกันชั้นอื่น ที่ไม่ได้ให้การคุ้มครองในเรื่องนี้เลย อีกทั้งยังให้ความคุ้มครองด้านอื่นที่ประกันชั้นอื่นอาจไม่มีด้วย
คือ คุ้มครองความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก
และผู้โดยสารในรถยนต์คันเอาประกันภัย คุ้มครองความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ รวมถึงคุ้มครองการสูญหายและไฟไหม้ของตัวรถยนต์
สรุปได้ว่า “ประกันชั้น 1” ให้ความคุ้มครองครอบคลุมรอบด้าน และคุ้มค่ากว่าประกันชั้นอื่นอย่างเห็นได้ชัด ถ้าไม่อยากมานั่งกลุ้มใจเรื่องค่าใช้จ่ายเวลารถยนต์ยางแตก การทำประกันชั้น 1 เอาไว้ก่อน ยังไงก็ดีกว่า ซื้อประกันชั้น 1 กับ SMILE INSURE คลิกที่นี่
เทคนิคป้องกันรถยนต์ยางแตกหรือยางระเบิด
อย่างไรก็ตาม นอกจากทำประกันชั้น 1 แล้ว ทางที่ดี คนใช้รถควรดูแลรักษา และถนอมยางควบคู่กันไปด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้รถยนต์ยางแตก หรือรถยางระเบิด และไม่ถูกปฏิเสธการเคลมประกันรถในอนาคต โดยทำตามเทคนิคง่ายๆ เหล่านี้
หมั่นตรวจเช็กสภาพยางให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ
การเช็กคุณภาพยางสามารถทำได้หลายวิธี เช่น เช็กดอกยางทุก 6 เดือน หรือทุก 10,000 กิโลเมตร เพื่อดูให้ดอกยางเหลือไม่น้อยกว่า 1.6 มิลลิเมตร เช็กปีที่ผลิตยางไม่ให้เกิน 5 ปี เช็กแก้มยางไม่ให้ปูด บวม หรือมีรอยแตก เป็นต้น
เลือกใช้ยางใหม่ เลี่ยงยางเปอร์เซ็นต์หรือยางค้างสต๊อก
ปัจจุบันร้านขายยาง หรืออู่ซ่อมรถหลายแห่ง มียางใหม่หลายยี่ห้อให้เลือกซื้อ และมีโปรโมชั่นดี ๆ ออกมาให้คนใช้รถเสมอ ทั้งผ่อน 0% ผ่อนไม่ใช้บัตรเครดิต และฟรีค่าแรงเปลี่ยนยาง
ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย ในระยะยาว และหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ “เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย” ควรลงทุนกับเรื่องนี้ให้มากขึ้น
เติมลมยางให้เหมาะสม และเช็กลมยางสม่ำเสมอ
ที่บริเวณขอบประตูของรถยนต์ทุกคัน จะมีสติกเกอร์คำแนะนำในเรื่องการเติมลมยางให้เหมาะสมติดอยู่ เจ้าของรถสามารถเติมลมยางตามนั้นได้ และควรตรวจวัดลมยางบ่อยๆ อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อไม่ให้ลมยางมากหรือน้อยเกินไป
หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง
นอกจากสภาพของยางแล้ว พฤติกรรมการขับขี่ก็มีส่วนทำให้รถยนต์ยางแตกหรือยางระเบิดได้เช่นกัน ดังนั้นคนขับรถควรมีพฤติกรรมที่ช่วยถนอมยางรถ เพื่อยืดอายุของยางไม่ให้เสื่อมสภาพเร็วเกินไป
สนใจทําประกันรถยนต์ กรอกข้อมูลได้ที่นี่
เช่น ไม่ขับรถเร็ว และไม่ปาดเลนไปมา ไม่บรรทุกของหนักเกินไป ไม่ใช้รถผิดประเภท นำรถเก๋งคันเล็กไปบรรทุกของหนักเหมือนรถกระบะ เลือกใช้ขนาดยางรถให้เหมาะสมกับขนาดของรถ และการใช้งาน เป็นต้น