มาดูกัน! ควรเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่เมื่อไหร่ดี?
แม้ว่าช่วงนี้จะเป็นฤดูร้อน ไม่ได้มีฝนตกหนักจนน้ำท่วมขัง แต่คนใช้รถก็ไม่ควรจะมองข้ามการเช็กสภาพของยางรถยนต์ไป เพราะล้อและยางก็เหมือนเท้าของรถ หากชำรุดหรือเสื่อมสภาพย่อมส่งผลเสียต่อการเดินทาง
บทความนี้เลยจะพามาดูกันว่า เมื่อไหร่ที่ควรเปลี่ยนยางรถ? และสภาพยางแบบไหนที่ถึงเวลาต้องเปลี่ยน?
เปลี่ยนยางตามอายุการใช้งานยังทำได้หรือไม่ในยุคนี้
เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินคำแนะนำที่ว่า ให้เปลี่ยนยางรถยนต์ตามอายุการใช้งาน คือเปลี่ยนยางรถยนต์ทุก 3 - 5 ปี หรือเปลี่ยนยางรถยนต์ทุก 30,000 - 40,000 กิโลเมตร
อ่านเพิ่มเติม: ประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง?
แต่จริงๆ แล้ว วิธีนี้จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อ ยางไม่ได้ถูกใช้งานหนักเกินไป เช่น ขับขี่ในระยะทางไม่ไกลมาก เจอถนนสภาพดีตลอดเวลา เป็นต้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ควบคุมได้ยากมากสำหรับการจราจรในบ้านเรา
บางคนเพิ่งเปลี่ยนยางใหม่มา แต่ขับสมบุกสมบัน ไปเหนือใต้ออกตกมาครบภายใน 1 ปี การจะรอเปลี่ยนยางเมื่อครบ 3 ปี อาจช้าเกินไป หรือบางคนเปลี่ยนยางมาได้ 3 ปีแล้ว แต่ขับแค่ใกล้ๆ หน้ายางยังไม่ทันสึก จะให้เปลี่ยนยางใหม่ก็อาจสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ
อ่านเพิ่มเติม: ไขข้อสงสัย รถเกิน 10 ปี ทำประกันชั้น 1 ได้ไหม?
ในปัจจุบัน วิธีนี้จึงไม่เป็นที่นิยมกันสักเท่าไหร่ เพราะพฤติกรรมการขับขี่ของแต่ละคนนั้นต่างกัน และปัจจัยต่าง ๆ ที่เจอก็ต่างกันไปด้วย จึงไม่สามารถใช้ระยะเวลาบอกได้แล้วว่าเมื่อไหร่ที่ควรเปลี่ยนยาง
เพิ่มความชัวร์กว่าด้วยการประเมินสภาพยาง
สำหรับวิธีที่ชัวร์กว่าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์แนะนำกันมาก คือการเปลี่ยนยางตามสภาพยางที่เปลี่ยนไป ด้วยการดูพื้นผิวของยาง ดังนี้
1. บริเวณหน้ายางอย่างดอกยางและร่องยาง เพราะทั้งสองอย่างจะช่วยให้การยึดเกาะถนนดีขึ้น รวมทั้งช่วยรีดน้ำออกเพื่อเพิ่มแรงเสียดทานขณะพื้นเปียกด้วย เมื่อไหร่ที่เห็นหรือวัดด้วยเครื่องมือแล้วพบว่าร่องยางตื้นขึ้น
ดอกยางเริ่มไม่ชัดเจนเหมือนเดิม (ยางโล้น) หรือผ่านการซ่อมมาหลายครั้ง นั่นคือสัญญาณที่ต้องเปลี่ยนยางแล้ว
อ่านเพิ่มเติม: รู้ก่อนตัดสินใจ ต่อประกันรถยนต์ที่ไหนดี?
2. แก้มยาง ซึ่งมักจะเป็นจุดที่ใครหลายคนละเลย เพราะสนใจพื้นที่ด้านหน้ามากกว่า หากแก้มยางชำรุด รั่ว ซึม ก็จะทำให้ประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนของยางทั้งเส้นลดลงได้เช่นกัน
เมื่อประเมินตามนี้แล้วจะเห็นได้ว่ารถบางคันอาจไม่จำเป็นต้องรอให้ถึง 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตรก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนยางเลย
เปลี่ยนยางแบบนี้ดีกว่า
เมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนยางรถยนต์ความสงสัยต่อมาคือ ควรเปลี่ยนยางรถยนต์ 1 เส้น เฉพาะเส้นที่เสื่อมสภาพ หรือควรเปลี่ยนยางรถ 2 เส้น 3 เส้น หรือทั้ง 4 เส้นในครั้งเดียว คำตอบคือ ควรเปลี่ยนพร้อมกันยกชุด
เพราะการเปลี่ยนยางทีละเส้นจะทำให้คุณภาพยางไม่สมดุลกัน อาจส่งผลกระทบต่อการขับขี่ เช่น เบรกได้ไม่ดี เสี่ยงยางระเบิดเพราะล้อใดล้อหนึ่งทำงานหนักเกินไป เป็นต้น
ส่วนการเปลี่ยนยางรถยนต์พร้อมกันทั้งหมดนั้นก็ไม่น่ากังวล เพราะใช้เวลาไม่นาน เพียงแค่ 30 นาที – 1 ชั่วโมงเท่านั้น
เทคนิคยืดอายุยางถ้าไม่อยากเปลี่ยนบ่อย
การเปลี่ยนยางแต่ละครั้งแม้จะใช้เวลาไม่นาน แต่ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมายอยู่ดี หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่อยากเปลี่ยนยางบ่อย สามารถยืดอายุการใช้งานของยางได้ด้วยเทคนิคเหล่านี้
1. สังเกตสภาพยางด้วยตาเปล่าว่ามีรอยรั่วหรือรอยฉีกขาดหรือไม่ หากมีให้รีบซ่อมแซม อย่าปล่อยไว้นาน
2. เช็คลมยางอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ดูให้ลมยางไม่มากหรือน้อยเกินไป เพื่อให้ยางมีความยืดหยุ่นพอดีขณะขับขี่
3. สลับยางทุกๆ 10,000 กิโลเมตร หรือทุกครั้งที่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เพื่อให้ทุกล้อมีความสึกหรอใกล้เคียงกัน
4. ตั้งศูนย์ถ่วงล้อให้คงความสมดุลอยู่เสมอ
5. ปรับเปลี่ยนนิสัยการขับรถ เช่น ไม่ขับรถด้วยความเร็วเป็นเวลานานเกินไป ไม่หักเลี้ยว ออกตัว หรือเบรกกะทันหัน ไม่บรรทุกของหนักเกิน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคนใช้รถจะเช็กสภาพยางและเปลี่ยนล้อได้ทันเวลา แต่ก็อาจไม่ได้ป้องกันความเสียหายจากอุบัติเหตุได้ 100% ดังนั้นอย่าลืมทำประกันรถควบคู่กันไปด้วย เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ทุกเส้นทางการขับขี่ขึ้นไปอีกขั้น