ทำไม? เข้าหน้าฝน “ยิ่งต้องล้างรถ!”
พอเข้าเดือน 6 ฝนก็เริ่มตกพร่ำๆ และมาพร้อมกับเรื่องที่หลายคนมองข้ามไปคือ “การล้างรถ” หลายคนมักคิดว่า “ค่อยล้างรถก็ได้ ยังไงฝนก็ตกล้างรถให้เราอยู่ดี” หรือ “จะล้างรถทำไม ยังไงฝนก็ตก เปื้อนรถอยู่ดี”
จริงๆ แล้วเรื่องนี้ห้ามมองข้ามเลยค่ะ สายฝนทำให้เรารู้สึกเย็นสบาย แต่ก็แอบมีเรื่องร้ายแฝงมาด้วยอยู่ดี สามารถทำรอยแผลเล็กๆ ให้รถเรา แต่ก็อาจเป็นบาดแผลใหญ่ๆ ให้เจ้าของรถได้เจ็บปวดใจเลยทีเดียว
นี่เป็นแค่เหตุผลเล็กๆ ที่ว่าเข้าหน้าฝน “ยิ่งต้องล้างรถ!” จริงๆ มีมากกว่านี้ค่ะ เราไปดูเหตุผลเหล่านั้นกัน
เหตุผลที่ 1
คราบน้ำฝังแน่น
หลังจากขับรถตากฝน ถ้าปล่อยคราบน้ำที่หลงเหลือติดอยู่กับรถจนแห้งติดอยู่แบบนั้นนานๆ อาจจะกลายเป็นคราบฝังแน่นที่เช็ดไม่ออก และเป็นคราบล้างออกยากในภายหลังนะคะ
เหตุผลที่ 2
สีรถด่าง
เศษใบไม้ หรือกิ่งไม้ที่ปลิวมาติดตัวรถเรา อาจทำให้รถเราเป็นลอยได้ และถ้าปล่อยให้เศษใบไม้แห้งติดรถอาจะทำให้รถเป็นลอยด่าง เพราะต้นไม้บางชนิดมียางที่ล้างออกยาก และทำให้เกิดคราบด้วยค่ะ
เหตุผลที่ 3
เกิดสนิม
สนิมเกิดจากความชื้น การขับรถลุยฝนทำให้เกิดความชื้นสะสมได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นการทำความสะอาด และเช็ดรถหลังขับลุยฝนจะช่วยลดการเกิดสนิทได้ดีทีเดียว
เหตุผลที่ 4
สิ่งสกปรกติดง่าย
เมื่อรถเปียกทำให้สิ่งสกปรกติดรถได้ง่ายขึ้น เมื่อทิ้งไว้นานๆ อาจจะทำให้เกิดคราบฝั่งแน่นล้างออกยาก และยิ่งถ้าเป็นรถสีขาวจะทำให้สีรถหมองเร็วด้วยนะคะ
อ่านเพิ่มเติม: ฝนตกหนักแบบนี้ รถ EV ขับลุยน้ำได้ไหม?
เหตุผลที่ 5
ฝนกรด
ฝนตัวร้ายที่ทำให้สีรถเกิดความเสียหาย เพราะฝนกรดมีค่าความเป็นกรดสูงกว่าปกติ ซึ่งจะพบฝนกรดได้มากในเขตอุตสาหกรรม หากปล่อยปะละเลยอาจจะต้องส่งรถทำความสะอาดเลยทีเดียว ซึ่งค่าทำความสะอาดก็มีค่าใช้จ่ายสูงพอสมควรค่ะ
ล้างรถให้ถูกวิธี หลังขับรถลุยฝน
- การฉีดน้ำไล่สิ่งสกปรกจากด้านบนลงด้านล่าง
- ควรใช้ผ้าสำลี เช็ด-ทำความสะอาดรถยนต์ จากด้านบนลงด้านล่าง
- เช็ดรถให้แห้งทันที หลังล้างรถเสร็จ
สิ่งที่ไม่ควรทำในการผิดวิธี
- ไม่ควรใช้ฟองน้ำล้างรถ เพราะเศษฝุ่นอาจจะเข้าไปติดในรูของฟองน้ำ ทำให้เกิดรอยบนผิวรถได้
- ไม่ควรใช้ผ้าเช็ดรถแทนการล้างรถ เพราะเศษฝุ่นที่ติดผ้าจะทำให้เกิดรอยบนรถ
อ่านเพิ่มเติม: เตรียมพร้อมช่วงหน้าฝน กับ 10 เทคนิคดูแลรถยนต์
5 วิธีแก้กลิ่นอับในรถยนต์ หลังขับลุยนํ้า
เข้าสู่ฤดูฝนทีไรปัญหากวนใจหลายๆ คนคงหนีไม่พ้นเรื่องความอับชื้น และกลิ่นอับอันไม่พึงประสงค์หลังเปียกฝน กลิ่นอับที่ว่าไม่ได้มีแค่มาจากเสื้อผ้าเราหรือในที่อับชื้นเท่านั้น
สำหรับคนใช้รถส่วนตัวเป็นประจำและถ้าจำเป็นที่ต้องขับรถลุยน้ำในช่วงฝนตก ก็จะประสบปัญหากับกลิ่นอับในรถเช่นกัน
แต่อย่าพึ่งกังวลใจมากเกินไป เพราะปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้
1. เปลี่ยนไส้กรองแอร์
เพราะสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ เมื่อเจอความชื้นอาจเกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ นอกจากนี้การเปลี่ยนกรองแอร์ยังช่วยทำให้อากาศภายในรถสะอาดขึ้นอีกด้วย
2. ตรวจสอบสภาพตู้แอร์
อย่างน้อยทุก 3 เดือนว่ามีสิ่งสกปรกหรือฝุ่นอุดตันในช่องมากน้อยแค่ไหนเพื่อเตรียมทำความสะอาด
3. ดูดฝุ่น ทำความสะอาดผ้ายาง
เริ่มจากการดูดฝุ่นตามซอกมุมต่างๆ และพื้นรถ เอาผ้ายางที่รองเท้าออกมา ทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ และตากแดดให้แห้ง ก่อนที่จะเอามาวางในรถเช่นเดิม
4. เปิดพัดลมแอร์เพื่อปรับอากาศ
แนะนำกดปิดปุุ่ม A/C ในรถ ก่อนดับเครื่องยนต์ ให้เหลือแต่แรงพัดลมเป่า เป็นเวลา 2- 3 นาที เพื่อไล่ความชื้นในแอร์ ที่สะสมมาจากการทำความเย็นตลอดเป็นเวลานาน
5. ใช้น้ำหอมปรับอากาศ
เพราะง่ายและสะดวกมากที่สุด มีหลากหลายกลิ่นให้เลือกใช้ แต่ต้องเลือกให้ดี เพราะกลิ่นของน้ำหอมบางชนิด อาจผสมเข้ากับกลิ่นอับจนทำให้กลิ่นที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิม
เข้าสู่หน้าฝน ดูแลรถยนต์อย่างไรดี?
1. ตรวจเช็คสภาพรถให้พร้อมใช้งาน
หมั่นตรวจสอบรถก่อนนำมาขับใช้งาน ยิ่งช่วงหน้าฝนไม่ควรมองข้ามการตรวจเช็ครถหน้าฝน เพราะถือว่าเป็นการดูแลรถยนต์ด้วยตัวเองที่ทำได้ง่ายที่สุด
2. เช็คยางรถยนต์
เช่น ดอกยากสึก มีร่องรอยฉีกขาด ลมยางอ่อน ฯลฯ ก็จะทำให้รถเบรกไม่อยู่ ลื่นไถล และเสียหลักจนเกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้น ควรหมั่นเช็คยางรถ เพื่อดูแลรถให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ ถ้าเห็นว่าเริ่มมีสภาพไม่ดีแล้ว ให้รีบเปลี่ยนทันที
3. เช็คที่ปัดน้ำฝน
เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ควรเช็กว่ายางของที่ปัดน้ำฝนยังใช้ได้ดีอยู่ไหม? โดยอาจสังเกตจากเสียง ถ้าเริ่มมีเสียงครืดคราด เหมือนแท่งโลหะขูดกับกระจกตรงๆ ให้เปลี่ยนใหม่ได้เลย
4. เช็คระบบเบรก
ควรตรวจสอบผ้าเบรกให้พร้อมใช้งาน ถ้าเบรกเริ่มสึก หรือเหยียบแล้วจมลึกผิดปกติ ควรรีบเข้าอู่เพื่อเปลี่ยนใหม่ทันที
5. เช็คระบบไฟ
เจ้าของรถควรตรวจเช็คให้ดีว่าไฟหน้ารถ ไฟท้าย และไฟเบรกยังทำงานได้ตามปกติไหม? เพราะถ้าไฟเหล่านี้ไม่ทำงาน อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุรถชนได้
6. เช็คยางขอบประตู
เพราะมีหน้าที่สำคัญในการป้องกันน้ำรั่วซึมเข้าสู่ห้องโดยสาร หากยางมีรอยฉีกขาด หรือเริ่มยึดเกาะกับขอบประตูไม่ได้แล้ว ให้รีบเปลี่ยนทันที
ารล้างรถสำคัญอย่างน้อยหลังขับรถลุยฝนก็ฉีดน้ำล้างฝุ่น หยิบเศษใบไม้ออกสักหน่อย และถ้าใครขับรถลุยนํ้ามาแล้วไม่อยากให้รถมีกลิ่นอับก็สามารถทําตามคําแนะนําด้านบนได้เลย เพื่อให้รถของคุณไม่อับชื้นและยังถือเป็นการดูแลรักษารถด้วย
นอกจากดูและรถก็ยังสามารถเพิ่มความอุ่นใจให้ทุกเหตุที่คาดการณ์ไม่ได้ด้วยประกันภัยรถยนต์ ที่ให้ความคุ้มครองคลอบคลุมให้คุณได้สบายใจมากขึ้น