บทความ | สาระน่ารู้อื่นๆ

8 รายจ่ายต้องรู้ก่อนมีรถ

8 รายจ่ายต้องรู้ก่อนมีรถ
03/07/2020  สาระน่ารู้อื่นๆ

8 รายจ่ายต้องรู้ก่อนมีรถ

ก่อนที่เราจะออกรถใหม่ป้ายแดง ทุกคนรู้มั้ยว่าต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง? เราควรเตรียมเงินไว้เท่าไหร่? มีค่าใช้จ่ายอะไรที่ต้องจ่ายทุกปี อันไหนไม่จำเป็นต้องจ่ายในแต่ละปี วันนี้พี่ Smile Insure รวบรวมค่าใช้จ่ายก่อนมีรถมาให้ทุกคนได้เตรียมตัวกันก่อนออกรถ จะได้วางแผนการใช้เงินกันนะคะ


8 รายจ่ายต้องรู้ก่อนมีรถ│Smile Insure

1. ค่า พ.ร.บ. รายปี

“พ.ร.บ.” หรือ การประกันรถยนต์ภาคบังคับ เป็นกฏหมายบังคับให้รถทุกคันต้องทำประกันนี้ และเราก็ต้องมีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เป็นประจำทุกปีตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 พี่ Smile บอกเลยว่า ประกันนี้มีความสำคัญและคุ้มค่ามากๆ ในราคาที่แสนถูก และยังให้ความคุ้มครองกับทุกคนที่ประสบอุบัติเหตุไม่ว่าจะเป็นฝ่ายถูกหรือฝ่ายผิด (เฉพาะคนเท่านั้น) ไม่รวมกับรถที่เสียหาย

แต่ในกรณีถ้าคุณไม่ยอมต่อ พ.ร.บ. รายปี อย่างแรกคือ คุณจะไม่สามารถต่อภาษีรถยนต์ประจำปีได้ และถ้าหากคุณใช้รถที่ไม่มี พ.ร.บ. แล้วเจอตำรวจเรียกก็จะต้องเสียค่าปรับไม่เกิน 10,000 บาทนะคะ หรือว่า ถ้าทำแล้วแต่ไม่ยอมติดก็จะโดนค่าปรับถึง 1,000 บาทเลย ค่าปรับแพงกว่าค่า พ.ร.บ. อีกนะคะ อย่าลืมติดนะทุกคน


8 รายจ่ายต้องรู้ก่อนมีรถ│Smile Insure

2. ค่าผ่อนงวดรถ

เป็นค่าใช้จ่ายก้อนโตที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนเลยล่ะค่ะ จำนวนเงินที่ต้องผ่อนก็จะคิดแบบอัตราดอกเบี้ยคงที่ ก็คือมาจาก ‘เงินต้นรวมกับดอกเบี้ยแล้วหารจำนวนเดือนที่จะผ่อน’ พี่ Smile แนะนำว่าให้ทุกคนศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับดอกเบี้ยอย่างละเอียดก่อนคิดจะซื้อรถนะคะ อย่าไปใจอ่อนกับคำว่าโปรโมชั่นนะทุกคน นอกจากเราจะต้องตรวจสอบให้ดีแล้ว ค่างวดในแต่ละเดือนก็ต้องจ่ายให้ตรง ถ้าคุณจ่ายช้าขึ้นมาก็จะมีค่าปรับและอาจทำให้เสียเครดิตได้ค่ะ หรือถ้าร้ายแรงกว่านั้น รถของคุณก็อาจจะถูกยึด ฉะนั้นก่อนซื้อรถ ควรเตรียมเงินในส่วนนี้ไว้ให้พร้อมนะคะ


8 รายจ่ายต้องรู้ก่อนมีรถ│Smile Insure

3. ค่าต่อภาษีรถยนต์ประจำปี 

ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งภาระที่ต้องเสียเป็นประจำทุกปีค่ะ แต่ค่าภาษีของรถแต่ละรุ่นก็จะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับขนาด ประเภทและเครื่องยนต์ (cc) ยิ่งรถขนาดใหญ่ เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ ก็ยิ่งเสียภาษีส่วนนี้แพงขึ้น รวมไปถึงอายุการใช้งานก็จะมีค่าภาษีต่างกันค่ะ 

อัตราค่าธรรมเนียมในการต่อภาษีรถยนต์ (ป้ายทะเบียนขาว)

  • ขนาดเครื่องยนต์ 1-600 cc ละ 0.50 บาท
  • ขนาดเครื่องยนต์ 601-1,800 cc ละ 1.50 บาท
  • ขนาดเครื่องยนต์ 1,801 ขึ้นไป cc ละ 4 บาท
  • รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง การคำนวณภาษีจะขึ้นอยู่กับขนาดเครื่อง (cc)

โดยอัตราค่าภาษี ปีที่ 1 – 5 จะคงที่ ส่วนรถที่อายุการใช้งานเกิน 6 ปี จะลดภาษีลง 10% ไปจนสูงสุดถึง 50% ในปีที่ 10 และจะคงที่ 50% ในปีต่อๆ ไป  และรถที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 7 ปี จะต้องจะต้องมีใบรับรองการตรวจสภาพ ตรอ. จึงจะสามารถต่อภาษีได้

วิธีคิดคำนวณค่าต่อภาษีรถยนต์ 

ตัวอย่างเช่น รถยนต์ ยี่ห้อ Toyota รุ่น Vigo อายุรถ 4 ปี เครื่องยนต์ 3,000 cc

  1. 600 cc แรก จากอัตราค่าธรรมเนียม cc ละ 0.5 บาท ให้เอา 600 x 0.5 = 300 บาท
  2. ต่อมา 601-1800 cc ละ 1.50 บาท = (1,800 - 601) = 1199 x 1.50 = 1,798.50 บาท
  3. กรณีที่เกิน 1801 cc ขึ้นไปจะคิดเป็น cc ละ 4 บาท ดังนั้น = (3,000 – 1,801)  = 1199 x 4.00 = 4,796 บาท 
    รวมค่าภาษี  300 + 1,798.50 + 4,796 บาท = 6,894.50 บาท ค่ะ

แต่ในกรณีที่ขาดการต่อภาษี คุณก็จะโดนค่าปรับนะคะ หรือถ้าขาดการชำระค่าภาษีติดต่อกันเป็นเวลา 3 ปี รถยนต์นั้นจะถูกระงับในส่วนของการใช้ทะเบียนไปเลย สำคัญมากๆ ไปชำระให้ตรงตามวันนะคะ โดนค่าปรับมาไม่คุ้มกันเลย


8 รายจ่ายต้องรู้ก่อนมีรถ│Smile Insure

4. ค่าประกันภัย

ประกันภัยรถยนต์ ถือเป็นอะไรที่จำเป็นอย่างยิ่งเลยล่ะค่ะ เพราะจะช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายที่เกิดจากภัยรถยนต์ โดยประกันนี้จะต้องจ่ายทุกๆ ปี ซึ่งโดยทั่วไปมีให้เลือกประกันตั้งแต่ชั้น 1, ชั้น 2+, ชั้น 2, ชั้น 3+, ชั้น 3 เบี้ยประกันที่สูงขึ้น ก็จะคุ้มครองรถของเราได้มากขึ้น หรือถ้าใช้รถที่มีราคาแพงเท่าไหร่ ค่าเบี้ยก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นอีก แต่ยังไงก็ตาม พี่ Smile  แนะนำให้ทุกคนทำประกันไว้เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นนะคะ จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียค่าซ่อมที่แพงกว่าอีกหลายเท่าตัว หรือว่าใครสนใจประกันประเภทไหน ปรึกษาพี่ Smile ได้เลยน้า


8 รายจ่ายต้องรู้ก่อนมีรถ│Smile Insure

5. ค่าบำรุงรักษา

อย่างที่ทุกคนก็ทราบกันดีว่า รถทุกประเภทย่อมมีการสึกหรอ ค่าบำรุงรักษารถก็ต้องเพิ่มตามมา ค่าดูแลรักษาจะเฉลี่ยอยู่ที่ ปีละ 5,000-10,000 บาทค่ะ และโดยปกติรถยนต์ก็ต้องมีการเช็คระยะทุก 10,000 กม. หรือประมาณ 6-12 เดือน คุณต้องนำรถเข้าเช็คที่ศูนย์บริการ สิ่งที่เป็นค่าใช้จ่ายหลักๆ ก็จะเป็นพวก น้ำมันเครื่อง, กรองอากาศ ที่ต้องเปลี่ยนทุกรอบที่เข้าเช็ค นอกจากนี้ยังมีอะไหล่ต่างๆ ที่เสื่อมสภาพและต้องเปลี่ยนตามระยะการใช้งาน เช่น ผ้าเบรก, น้ำมันเบรก, แบตเตอรี่ และอื่นๆ แต่ถ้าหากเป็นรถหรูหรือว่ารถที่เริ่มเก่า ค่าบำรุงรักษาอาจสูงถึงหลายหมื่นบาทต่อปี พี่ Smile แนะนำว่าอย่าปล่อยทิ้งไว้นาน ค่าใช้จ่ายก็จะยิ่งเพิ่มอีกนะคะ


8 รายจ่ายต้องรู้ก่อนมีรถ│Smile Insure

6. ค่าน้ำมัน

ค่าน้ำมันเป็นอะไรที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และถือเป็นค่าใช้จ่ายที่คุณต้องจ่ายบ่อยที่สุดและมากที่สุด สำหรับคนที่ใช้รถทุกวัน  ค่าน้ำมันมักเกิน 3,000-5,000 บาท ยิ่งรถคันใหญ่ หรือรถที่กินน้ำมัน ค่าใช้จ่ายก็จะสูงกว่านี้ และอาจถึง 10,000 บาทต่อเดือน แต่คุณก็สามารถคำนวณค่าใช้จ่ายส่วนนี้ได้ด้วยตัวเอง ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่และสภาพรถค่ะ


8 รายจ่ายต้องรู้ก่อนมีรถ│Smile Insure

7. ค่ายางรถยนต์

ยางรถยนต์เป็นชิ้นส่วนสำคัญที่จำเป็นต้องเปลี่ยนตามระยะทาง และเวลาที่เหมาะสม เพราะเป็นส่วนที่สัมผัสกับพื้นถนนตลอดเวลา ยางที่หมดสภาพ ถ้าไม่ได้เปลี่ยนก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ พี่ Smile แนะนำให้เปลี่ยนยางทุก 2 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตรนะคะ แต่ว่าทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน โดยราคายางรถราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 10,000 บาท ไปจนถึงหลายหมื่นบาท ขึ้นอยู่กับรุ่น ยี่ห้อ ขนาดของยางค่ะ


8 รายจ่ายต้องรู้ก่อนมีรถ│Smile Insure

8. ค่าใช้จ่ายอื่นๆ 

นอกจากค่าใช้จ่ายที่ว่ามาทั้งหมดแล้ว ก็มีค่าใช้จ่ายที่แฝงมาอื่นๆ อีก เช่น ค่าปรับจากการขับรถผิดกฎจราจร ค่าอุปกรณ์ติดรถต่างๆ ค่าล้างรถ ค่าที่จอดรถ ค่าทางด่วน และค่าตกแต่งรถยนต์ ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่มียอดตายตัวที่จ่ายกันอยู่เป็นประจำ สามารถปรับและลดทอนได้ตลอดค่า 

สุดท้ายแล้วสิ่งที่จำเป็นสำหรับคนรักรถอย่างเราที่สุดก็คือ ‘ประกันรถยนต์’ มีประกันเอาไว้เพิ่มความอุ่นใจให้ทุกการเดินทางนะคะ ปรึกษาพี่ Smile Insure ได้เสมอเลยค่ะ ทางเรามีประกันภัยชั้นนำจาก วิริยะ, กรุงเทพ, อาคเนย์, เมืองไทย, คุ้มภัยโตเกียวมารีน, แอลเอ็มจี, ไทยศรี, เอเชีย, สินทรัพย์, ธนชาต ให้คุณได้เลือกตามใจชอบเลยค่า

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ