ฟิตเครื่องยนต์คืออะไร? ฟิตยังไงใช้ได้นาน?
ฟิตเครื่องยนต์คืออะไร? ฟิตยังไงใช้ได้นาน?
เครื่องยนต์ก็เหมือนหัวใจ ต้องฟิตตลอด เพราะเครื่องยนต์เป็นศูนย์รวมพลังของรถทุกคัน เมื่อมีการใช้งานรถยนต์ทุกนาทีย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดการสึกหรอของเครื่องยนต์ ยิ่งผ่านการใช้งานเป็นเวลานานการทำงานของเครื่องยนต์ก็มักเกิดปัญหา
ทางเลือกสำหรับการแก้ไขปัญหาเครื่องยนต์มีอยู่ 2 ประการ คือ ซ่อมเครื่องยนต์ตัวเก่ากับเปลี่ยนเครื่องยนต์ตัวใหม่แบบไหนดีกว่ากัน และคุ้มค่าเงินที่เสียไปหรือไม่ เป็นเรื่องที่คุณต้องตัดสินใจให้รอบคอบ
1. ซ่อมเครื่องยนต์ตัวเก่า
ซ่อมเครื่องยนต์ตัวเก่า หรือที่เรียกว่า ฟิตเครื่อง เป็นทางเลือกที่ใครหลาย ๆ คนชื่นชอบ เวลาเครื่องยนต์ของคุณเกิดปัญหา ทางเลือกที่ดีที่สุดคือ ฟิตเครื่องใหม่ ในการซ่อมเครื่องยนต์ตัวเก่า แต่ละครั้งจะต้องมีการรื้อถอนชิ้นส่วนต่าง ๆ เพื่อวิเคราะห์ว่าเกิดปัญหาที่จุดใด จึงเลือกเปลี่ยนอะไหล่ ณ จุดนั้น
การเลือกเปลี่ยนอะไหล่ใหม่ในกรณีที่รถของคุณเข้าอู่ซ่อม เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้กับทางอู่ได้ บวกราคาค่าอะไหล่เพิ่มขึ้น หรือใช้อะไหล่เทียมในการซ่อม แต่มีการเรียกเก็บเงินค่าอะไหล่ในราคาสูงเทียบเท่ากับการซื้ออะไหล่แท้นั่นเอง เพราะส่วนใหญ่อู่ซ่อมรถมักมีร้านซื้อขายอะไหล่ที่รู้จักกันเป็นอย่างดี
การบวกส่วนต่างค่าอะไหล่ 50-100% ขึ้นอยู่กับว่าจะเอากำไรมากหรือน้อย จนบางรายเลือกแก้ปัญหาด้วยการหาซื้ออะไหล่เองแล้วนำไปใช้อู่เปลี่ยน อู่บริการมักสร้างข้อต่อรองเสมอว่า เจ้าของไม่มีความชำนาญพอ ทำให้อะไหล่ที่ซื้อมาเปลี่ยนนั้นไม่ตรงตามรุ่นที่รถใช้ จึงต้องมีการซื้อมาเปลี่ยนใหม่และบวกค่าบริการเพิ่ม
อู่ซ่อมรถยังมีการบวกค่าใช้จ่ายในส่วนต่าง ๆ อีก เช่น ค่าโรงกลึง 10% ค่าแรงในการซ่อมรื้อถอนและประกอบประมาณ 2,000-3,000 บาท ทั้งที่ค่าแรงในการเปลี่ยนเครื่องใช้เพียงแค่ 1,000 - 1,500 บาทเท่านั้น อีกทั้งการเลือกซ่อมเครื่องยนต์ตัวเก่า ต้องใช้เวลาในการซ่อม 3 - 7 วัน
***ค่าใช้จ่ายสูง ต้องมาลุ้นอีกว่า ซ่อมมาแล้วจะใช้การได้ดีเช่นเดิมหรือไม่ ทั้งหมดนี้ก็สุดแล้วแต่ฝีมือของช่าง
การสึกหรอของเครื่องยนต์ ขีดจำกัดอยู่ หากกระบอกสูบมีการสึกหรอจนไม่สามารถใช้ลูกสูบชุดเดิมได้ ก็ต้องมีการกลึงคว้านเพื่อเปลี่ยนลูกสูบ ซึ่งหากมีความยุ่งยากมาก ค่าใช้จ่ายที่อู่ ต้องบวกเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
การคว้านกระบอกลูกสูบในตอนหลังนี้ จะมีการชุบแข็ง ที่ผิวของกระบอกลูกสูบเดิมที่ถูกคว้านออกไป เพราะกระบอกลูกสูบเดิมจะถูกชุบแข็งมาจากโรงงานผู้ผลิตแล้ว หากผิวของกระบอกสูบไม่ได้มีการชุบแข็ง ก็จะมีการสึกหรอมากกว่ามาตรฐาน ทำให้เครื่องยนต์มีอายุการใช้งานที่สั้นลง
แบบไหนถึงควร ฟิตเครื่อง?
- เป็นเครื่องยนต์ของรถที่นำเข้ามาจำหน่ายน้อยและมีราคาสูง เช่น เครื่องยนต์ของรถยุโรป แต่ถ้าหากเป็นรถญี่ปุ่น เครื่องยนต์สามารถหาซื้อได้ง่ายกว่า อีกทั้งราคาไม่แพง
- การฟิตเครื่องเก่าจะคุ้มค่า เมื่อไม่ต้องเปลี่ยนกระบอกสูบ, แบริ่ง และวาล์ว อีกทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายอื่น ๆ หากค่าใช้จ่ายในการฟิตเครื่องมากกว่า 50 % ของราคาเครื่องเก่าถือว่านั้นเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า
- ในการซ่อมรถแต่ละครั้งสิ่งที่ควรระวังคือ คุณภาพของอู่ เพราะอู่มักประเมินราคาจูงใจให้ซ่อมเครื่องยนต์ แต่เมื่อมีการซ่อมจริง ยิ่งทำให้ค่าใช้จ่ายบานปลาย ถึงเวลานั้นจะมานั่งเสียใจก็คงสายเกินไปเสียแล้ว
2. เปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ไปเลย
ส่วนใหญ่เป็นเครื่องยนต์ของรถญี่ปุ่นที่ใช้แล้ว ราคาถูกและมีให้เลือกหลากหลาย ตลาดในการซื้อขายแลกเปลี่ยนใหญ่ ๆ เครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ส่วนใหญ่ผ่านการใช้งานมาแล้วจากประเทศญี่ปุ่น
ถ้าซ่อมอาจไม่คุ้มค่า หากเกิดกรณีดังกล่าวนี้ขึ้นบริษัทประกันภัยจะเคลมรถใหม่ให้แก่ลูกค้าพร้อมกับทิ้งรถเก่าเข้าป่าช้ารถไป สำหรับอุบัติเหตุส่วนใหญ่ไม่ได้หมายถึงชนจนยับเยิน หากเกิดอุบัติเหตุกับรถแต่เครื่องยนต์ยังสามารถใช้การได้อยู่ เครื่องยนต์ก็จะถูกนำมาจำหน่ายที่เมืองไทย
ซึ่งเครื่องยนต์ที่ถูกส่งมาขายจะมีหลายประเภทปะปนกันไป และมีสภาพของเครื่องยนต์อยู่ที่ 50-70% ซึ่งหากโชคดีอาจได้เครื่องที่ผ่านการใช้งานน้อย และคุณภาพดี
ข้อดีของการเลือกเปลี่ยนเครื่องยนต์
- ความชำนาญของช่าง ช่างในโรงงานผู้ผลิตย่อมมีความชำนาญมากกว่า ช่างตามอู่ทั่วไป
- ค่าใช้จ่ายหลักมีเพียงค่าเครื่อง, ค่าหัวเทียน, ผ้าคลัตช์, น้ำมันเครื่อง ส่วนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ทางอู่ไม่สามารถเบิกได้เท่ากับการฟิตเครื่อง ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่นี้มีเพียงแค่ 2,000 –3,000 บาทเท่านั้น ต่ำกว่าการฟิตเครื่องยนต์
- ประหยัดเวลากว่าการฟิตเครื่องยนต์ เพราะการเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ใช้เวลาเพียงแค่ 1-2 วัน
เมื่อถึงเวลาที่รถจะต้องเปลี่ยน ก็ต้องหันกลับมาถามเจ้าของรถว่าพร้อมที่จะเปลี่ยนแบบไหนจะฟิตเครื่องหรือเปลี่ยนเครื่องใหม่ไปเลย.. แต่ถ้าถึงเวลาเปลี่ยนก็ควรเปลี่ยนทันที หากเสื่อมสภาพตามอายุและการใช้งาน หากเก่าเกินไปจนเสื่อมสภาพ ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดรอยรั่ว ถัดมาคือท่อยางต่างๆ ในห้องเครื่อง อันตรายมากๆ